กรมพัฒน์ลุยตรวจสอบธุรกิจ นอมินี เน้นจังหวัดท่องเที่ยว รับเปิดประเทศ

ภูเก็ต
แฟ้มภาพ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลุยตรวจสอบธุรกิจ นอมินี เน้นจังหวัดท่องเที่ยว รับเปิดประเทศ นับตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2565 มีธุรกิจนอมินีและดำเนินคดีไปแล้ว 66 ราย

วันที่ 16 มกราคม 2566 นายจิตรกร​ ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมให้ความสำคัญในการติดตามและดูแลการประกอบกิจการของคนไทย และตรวจสอบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีคนไทย ยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือที่ปรึกษากฎหมายแนะนำให้หลีกเลี่ยงกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวได้ประกอบการกิจการ ทำธุรกิจในไทย กรมเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการวางแผนและลงพื้นที่ตรวจสอบนิติบุคคลทุกปี

โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ร้านอาหาร สปา บริการรถทัวร์ โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ปีหนึ่งก็ประมาณ 100 รายที่ตรวจสอบ และเมื่อประเทศไทยมีการเปิดประเทศ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลาย เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจีน ดังนั้น เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ กรมจะให้ความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกิจนอมินี

จิตรกร​ ว่องเขตกร
จิตรกร​ ว่องเขตกร

กรมจึงได้ร่วมกับกรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ตรวจสอบการประกอบธุรกิจนิติบุคคล ซึ่งให้ความสำคัญจังหวัดท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต รวมไปถึงพัทยา พร้อมทั้งคัดกรองธุรกิจที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงด้วย ทั้งนี้ หากพบว่ามีพฤติกรรมที่น่าสงสัยก็จะเข้าไปตรวจสอบเชิงลึกเพื่อหาข้อเท็จจริง หากพบกระทำผิดก็จะดำเนินคดีทันที

“กรมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบและคัดกรองธุรกิจที่เข้าข่าย หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย กรมก็จะออกหนังสือให้ผู้ประกอบการชี้แจงข้อมูลการประกอบธุรกิจ การถือหุ้น ซึ่งเฉลี่ย กรมออกหนังสือไปประมาณ 500-600 ราย โดยไม่ได้เจาะจงสัญชาติ”

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการให้ข้อมูลครบถ้วนไม่มีประเด็นสงสัย กรมก็ไม่ได้ตรวจสอบเชิงลึกและปล่อยไป แต่กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจชี้แจงและให้ข้อมูลแล้วยังมีข้อสงสัย กรมจะตรวจสอบเชิงลึกทันทีและก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบ เพราะบางอย่างกรมก็ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบก็ต้องอาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล

นายจิตรกร​กล่าวว่า กรมเข้าตรวสอบธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี และมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อปีเฉลี่ย 100 ราย และเมื่อดูธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี และมีความผิดพร้อมดำเนินคดีไปแล้ว นับจากปี 2558 จนถึงปี 2565 จำนวนทั้งสิ้น 66 ราย โดยการกระทำผิดนั้นคือ ถือหุ้นแทน ผลประโยชน์ไม่ได้ให้กับประเทศ ส่งผลเสียหายให้กับธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยเสียโอกาส เป็นต้น

ทั้งนี้ กรมต้องยอมรับว่าการตรวจสอบนิติบุคคล กรมสามารถดำเนินการได้ แต่หากเป็นกรณีการตรวจสอบการประกอบกิจการของบุคคลธรรมดาเป็นสิ่งที่ทำยาก การจะตรวจสอบนั้นต้องมีการแจ้งเบาะแส ว่าร้านค้า ร้านอาหารนั้น มีการเปิดโดยใช้คนไทย แต่แท้จริงแล้วเป็นของต่างด้าวเข้ามาประกอบกิจการ ซึ่งกรณีนี้ กรมก็จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดีเอสไอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง หากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะดำเนินการทันที

อย่างไรก็ ยอมรับว่าปัญหามันมีช่องโหว่ โดยคนไทยยอมรับผลประโยชน์ โดยการให้ใช้ชื่อในการประกอบกิจการ ซึ่งก็สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ซึ่งกรมพร้อมติดตามดูแลเพื่อประโยชน์ของประเทศและผู้ประกอบการไทย

สำหรับสถิติการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2543 จนถึงเดือนธันวาคม 2565 มีการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจรวมทั้งสิ้น 13,915 ราย โดยเป็นการออกใบอนุญาต 6,279 ราย ออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจตามที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 5,588 ราย และออกหนังสือรับรองตามสนธิสัญญา 2,048 ราย ทั้งนี้ คนต่างหน้าที่ได้รับใบอนุญาตและหนังสือรับรองมีการแจ้งเลิกประกอบกิจการและถูกเพิกถอนใบอนุญาต 3,509 ราย และยังคงอยู่ 10,406 ราย