ผอ.สถาบันยานยนต์คนใหม่ พลิกโฉมสู่ยานยนต์แห่งอนาคต

เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์
เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์

สถาบันยานยนต์ เป็นหนึ่งในหน่วยงานสังกัดของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเป้าหมายสำคัญ คือการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศให้มีขีดความสามารถ เป็นทั้งฐานการผลิต แหล่งความรู้ด้านนวัตกรรม “ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์” ได้รับคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการคนล่าสุด

รื้อแผนงานรับยานยนต์แห่งอนาคต

ดร.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า นโยบายของสถาบันยานยนต์นับจากนี้ จะเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด Reshape the future หรือการ “พลิกโฉมสู่ยานยนต์แห่งอนาคต” โดยมีแนวทางการปฏิรูปหน่วยงาน และปรับแนวทางการปฏิบัติงานในอนาคตตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยใช้หัวและใจปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน เพราะการเข้ามาของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการผลิตตามนโยบาย 30@30 คือการตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ภายในปี 2573 เป็นกลไกที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ

ซึ่งในปี 2566 ได้มีการประมาณการตัวเลขการผลิตรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 1,950,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 3.53% โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1,050,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน และคาดการณ์ว่าภายในปี 2573 ประเทศไทยจะมีการผลิตรถยนต์ที่ 2.4 ล้านคัน แบ่งเป็นรถ ZEV จำนวน 725,000 คัน ตั้งแต่ปี 2566-2573 ประเทศไทยจะมีอัตราการเจริญเติบโต 3.5% ต่อปี ทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในการเป็นฐานการส่งออกเพิ่มมากขึ้น

จากนโยบายดังกล่าวสถาบันยานยนต์ จำเป็นต้องเกิดการ Reshape ปฏิรูปงานบริการของสถาบันยานยนต์ พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบ Business Model เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยปัจจุบันสถาบันยานยนต์ มีการให้บริการหลัก คือ บริการทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ตามมาตรฐาน บริการตรวจการทำผลิตภัณฑ์ (IB) และ Free Zone เขตปลอดอากร บริการฝึกอบรม

รวมถึงบริการข้อมูลศูนย์สารสนเทศยานยนต์ที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ พร้อมจัดทำงานวิจัย เพื่อเสนอแนะ ชี้นำ และเตือนภัย เพื่อสนับสนุนการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งจะมีแนวทางการดำเนินงานใหม่ด้วยยุทธศาสตร์ “3 RIBBONS STRATEGY” หรือยุทธศาสตร์โบ 3 สี ฟ้า เขียว ขาว

BLUE OCEAN สร้างนวัตกรรม

ปี 2566-2573 จะมีการปรับปรุงรูปแบบการให้บริการ และเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่ พร้อมขับเคลื่อนสถาบันยานยนต์ ด้วยการทำการตลาดเชิงรุก พัฒนาให้เป็นผู้ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Service) ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างครบวงจร

อาทิ มาตรฐานบังคับ (มอก.) มาตรฐานกรมขนส่ง ASEAN MRA และมาตรฐานตามข้อตกลง 1958 Agreement ของสมาชิก 48 ประเทศ เป็นต้น เพื่อยกระดับการทดสอบของสถาบันยานยนต์ ให้ผลการทดสอบเป็นที่ยอมรับในสากล ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการส่งออกยานยนต์ไทย ตามนโยบายการเป็นฐานการผลิตรถยนต์แห่งอนาคต

เปิดบริการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาธุรกิจ สร้างนวัตกรรม ด้านวิศวกรรม โดยผู้เชี่ยวชาญ เสริมสร้างความพร้อมด้านการทดสอบด้วยศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อ สู่การเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ

ทำให้ไทยเป็นผู้นำและเป็นศูนย์กลางการทดสอบและรับรองในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการทดสอบเพื่อความสอดคล้องในกระบวนการผลิต การส่งเสริมตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ทดแทน (Aftermarket) พร้อมขยายพันธมิตรทางธุรกิจให้เพิ่มขึ้น

GREEN GROWTH สร้างความยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังเตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการทดสอบการปล่อยสารมลพิษจากเครื่องยนต์ตามมาตรฐานยูโร 5 และ 6 เพื่อลดปัญหาการปล่อยมลพิษทางอากาศฝุ่น PM ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ ซึ่งขณะนี้สถาบันยานยนต์ ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องมือทดสอบ พร้อมให้บริการเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงการทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า

โดยมีศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจรที่สุดในอาเซียน ตามมาตรฐาน UNECE R100 สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และ UNECE R136 สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงสามารถทดสอบเพื่อการวิจัยและพัฒนาในการปรับปรุงสมรรถนะของแบตเตอรี่ได้อีกด้วย

ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ในเดือนนี้สถาบันยานยนต์ ได้มีโครงการชื่อ “แบตฯดี มีคืน” เป็นโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า จะได้รับคืนเงินค่าบริการทดสอบ 10% เมื่อมาทดสอบกับสถาบันยานยนต์ และผ่านมาตรฐาน มอก. 3026-2563 หรือ มอก. 2952-2536 ภายในเดือน มี.ค.-ธ.ค. 2566 นี้

นี่เป็นครั้งแรกที่สถาบันยานยนต์ มีการจัดทำโปรโมชั่นสนับสนุนผู้ประกอบการ ในเรื่องการทดสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ สยย. ยังสนับสนุนนโยบาย ZEV การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ มุ่งเน้นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน Net Zero รวมถึงการลดหรือกักเก็บปริมาณก๊าซเรือนกระจกไว้ ไม่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การทำธุรกิจที่ยั่งยืน และจะเพิ่มเติมการทำกิจกรรมเพื่อสังคม อาทิ การรณรงค์เรื่องการขับขี่ปลอดภัย เป็นต้น

WHITE SPIRIT สร้างความน่าเชื่อถือ

การปรับเปลี่ยนวิถีการบริหาร การจัดการควบคุมดูแลกิจกรรมต่าง ๆ ของสถาบันยานยนต์ ต้องให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมุ่งเน้นประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของงาน โดยปรับกระบวนการทำงานมุ่งสู่ความเป็นเลิศในด้านการปฏิบัติการ การบริหารจัดการองค์กรด้วยแนวคิด Smart Strong และ Slim

ความท้าทายของการบริหารงานในยุคนี้ คือการปรับการทำงานของสถาบันยานยนต์ให้มีความทันสมัย ตอบโจทย์ในการส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สร้างโมเดลของธุรกิจใหม่ ๆ ในเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และการพัฒนาทักษะเดิม

พร้อมเสริมสร้างทักษะใหม่ให้แก่บุคลากรภายในสถาบันยานยนต์ รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร และเรื่องเร่งด่วนที่สุดคือ การปั้นสถาบันยานยนต์ให้มีความพร้อม เป็นองค์กรชั้นนำของประเทศ ในการทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์มีความสมบูรณ์ในทุกมิติ

เพื่อผลักดันประเทศไทยในก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก หรือศูนย์กลางของภูมิภาค เติบโตและเข้มแข็งอย่างมีศักยภาพ รับมือกับการเปลี่ยนแปลง ด้วยศักยภาพของศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 11 ของโลก และใหญ่เป็นลำดับที่ 1 ของภาคพื้นอาเซียน และศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่สามารถทดสอบได้ตามมาตรฐานครบวงจร และนี่เรียกได้ว่าเป็นการ “พลิกโฉมสู่ยานยนต์แห่งอนาคต” อีกหนึ่งบทบาทก็ว่าได้