บางจาก Q1 ยอดขายโต 16% แตะ 80,000 ล้าน กำลังกลั่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

บางจาก Q1 ยอดขายโต 16% แตะ 80,000 ล้าน

กลุ่มบริษัทบางจาก เปิดผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2566 รายได้ 80,380 ล้านบาท EBITDA 10,992 ล้านบาท มีกำไรสำหรับงวดส่วนของบริษัทใหญ่ 2,741 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.91 บาท ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันสร้างสถิติใหม่ด้วยกำลังการกลั่นกว่า 124,700 บาร์เรลต่อวัน – กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ โดย OKEA ASA ทำสถิติรายได้สูงสุดตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการมา จากการจำหน่าย 2 Cargoes จากแหล่งผลิต Draugen และรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากแหล่งผลิต Brage ที่โอนกิจการมาจาก Wintershall Dea พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงานกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2566 ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายและสะท้อนผลลัพธ์จากแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากที่เน้นย้ำการเติบโตธุรกิจอย่างมีคุณภาพ

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช

โดยในไตรมาส 1 ปี 2566 กลุ่มบริษัทบางจากมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 80,380 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 คิดเป็น EBITDA รวม 10,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาสก่อน ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสำหรับงวดส่วนของบริษัทใหญ่ 2,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากไตรมาสก่อน ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.91 บาท

ผลการดำเนินงานแต่ละกลุ่มธุรกิจในไตรมาสแรกของปี 2566 มีดังนี้

กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 4,029 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% จากไตรมาสก่อน แต่ปรับลดลง 20% จากไตรมาสแรกปี 2565 โดยโรงกลั่นบางจาก ยังคงอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำสถิติสูงสุดที่ 124.7 พันบาร์เรลต่อวัน

Advertisment

โดยในไตรมาสนี้ รับรู้กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า (รวมการวัดมูลค่ายุติธรรมตามมาตรฐานบัญชี) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจาก Crack Spread ของผลิตภัณฑ์ที่ได้ทำสัญญาซื้อขายมีแนวโน้มปรับตัวลดลง

ส่วนค่าการกลั่นพื้นฐานปรับลดลงจาก 14.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาส 4 ปี 2565 มาอยู่ที่ 11.44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือลดลง 3.24 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

สาเหตุหลักมาจาก Crack Spread ของผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลปรับลดลงตามภาวะตลาดโลก ซึ่งน้ำมันดีเซลเป็นผลิตภัณฑ์ที่โรงกลั่นบางจากผลิตได้มากที่สุด และในไตรมาสนี้มีการรับรู้ Inventory Loss 4.41 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือเทียบเท่า 1,687 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงในอัตราที่ต่ำกว่าไตรมาสก่อน

Advertisment

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 737 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากไตรมาสก่อน แต่ปรับลดลง 34% จากไตรมาสแรกปี 2565 โดยในไตรมาสนี้ค่าการตลาดต่อหน่วยเพิ่มขึ้น จากการปรับค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ที่เหมาะสมและการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันดีเซลตามมติของกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งจะเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายส่งเสริมการตลาด ทั้งนี้ ปริมาณการจำหน่ายรวมลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA รวม 852 ล้านบาท ลดลง 15% จากไตรมาสก่อน และลดลง 72 % จากไตรมาสแรกปี 2565 โดยในไตรมาสแรกปี 2566 ปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นและไทย (เพิ่มขึ้น 17% และ 4% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ)

เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล เช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทยที่ผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาสก่อนหน้าจากกำลังลมที่พัดผ่านมากขึ้น

นอกจากนี้ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในเดือนมีนาคม 2566 อย่างไรก็ดี โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว มีการหยุดการผลิตไฟฟ้าในไตรมาสนี้ เพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปยังการไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 107 ล้านบาท ลดลง 26% จากไตรมาสก่อน และลดลง 69% จากไตรมาสแรกปี 2565 โดยธุรกิจเอทานอลมีรายได้จากการขายลดลง จากปริมาณการขายปรับลดลง ตามแผนบริหารการขาย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหนุนจากต้นทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล (B100) ที่ราคาวัตถุดิบ ต้นทุนพลังงาน และสารเคมีปรับลดลง

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 5,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 % จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 27 % จากไตรมาสแรกปี 2565 จากปริมาณจำหน่ายของ OKEA ASA เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากกว่า 100% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีปริมาณการจำหน่ายมากกว่ากำลังการผลิตตามสัญญาจากการจำหน่าย 2 Cargoes จากแหล่งผลิต Draugen และรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากแหล่งผลิต Brage ที่โอนกิจการมาจาก Wintershall Dea ส่งผลให้ไตรมาสนี้ OKEA ทำสถิติรายได้สูงสุด และยังแสวงหาโอกาสในการลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด OKEA ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายแหล่งปิโตรเลียม Statfjord บนไหล่ทวีปนอร์เวย์ (Norwegian Continental Shelf-NCS) (ร้อยละ 28) ทำให้กำลังการผลิตรวมปรับเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันจากระดับ 20,000-25,000 บาร์เรล ซึ่งคาดว่าธุรกรรมการซื้อขายจะสำเร็จลุล่วงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566

นายชัยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับไตรมาส 2 ของปีนี้ ราคาน้ำมันดิบจะยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะในยุโรป แต่ยังมีปัจจัยความกังวลอุปทานตึงตัวที่เพิ่มขึ้น หลังจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ตัดสินใจปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมัน

ปั้มบางจาก โลโก้ใหม่

นอกจากนี้ ค่าการกลั่นของโรงกลั่นประเภท Cracking ที่สิงคโปร์มีแนวโน้มปรับลดลงจากไตรมาสแรก

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ด้านราคาพลังงานที่ยังผันผวน รวมถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมัน บริษัทจึงยังคงติดตามราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตและการทำงาน
ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ

บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโต ควบคู่กับการรักษาสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ด้วยการยึดมั่นการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติในด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล ได้รับการยอมรับในความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับสากล สะท้อนจากการได้รับการประเมิน MSCI ESG Ratings ที่ระดับ AA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดขององค์กรไทยในกลุ่มธุรกิจเดียวกันต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน

และการได้รับการประเมินความยั่งยืนจาก S&P Global องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับความยั่งยืน ซึ่งเป็นผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ประจำปี 2565 โดยมีคะแนนสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining and Marketing ได้รับคะแนนสูงสุด Best Score ใน 11 ด้านจาก 21 ด้านของการประเมิน

ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบางจากฯ ได้อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นับเป็นความคืบหน้าสำคัญของการเข้าทำธุรกรรม โดยเงื่อนไขบังคับก่อน (CP) 2 ใน 3 ข้อ ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อย การดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เมื่อธุรกรรมแล้วเสร็จจะเป็นการต่อยอดการเติบโตธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มบริษัทบางจากควบคู่กับสร้างประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภค ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการบูรณาการด้าน ESG-สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic) อย่างสมดุล สร้างการเติบโตต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนของทุกภาคส่วน