ส่องนวัตกรรมสุดไฮเทคใน Future Mobility Asia 2023
วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เพิ่งเปิดฉากไปเมื่อวาน งานใหญ่ระดับภูมิภาค Future Mobility Asia 2023 ที่กระทรวงพลังงานจัดขึ้นร่วมกับ บมจ.ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นับเป็นจุดศูนย์รวมที่เชื่อมโยงนักลงทุนและนวัตกรจากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มารวมตัวกันที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2566
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” นำชมนวัตกรรมอีวีและพลังงานสะอาดสุดล้ำ ที่ผู้ผลิตมาอวดโฉมมากมายในงาน
ดูราเพาเวอร์บริษัทลูก บ้านปู เน็กซ์ ขนนวัตกรรมโชว์ Future Mobility Asia 2023
ค่ายแรก บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ผู้ให้บริการโซลูชั่นพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ส่งบริษัทลูก “ดูราเพาเวอร์” ผู้นำด้านระบบแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนระดับโลก โชว์ความสำเร็จครั้งแรกในการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS)
ระบบ BESS สามารถใช้ร่วมกับระบบโซลาร์แบบไฮบริด สำหรับการผลิตและใช้ไฟฟ้าในเหมืองในประเทศอินโดนีเซีย เป็นระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออนแบบตู้คอนเทนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง
พร้อมมีระบบความปลอดภัยหลายระดับ รวมถึงเซลล์และโมดูลแบตเตอรี่ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ระดับโลก อย่าง IEC และ UNECE ซึ่งสามารถช่วยภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อย CO2 พร้อมการสร้างห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจแบตเตอรี่ (Supply Chain) ทั่วภูมิภาค เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน สามารถบริหารงบประมาณและเวลาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะก้าวเป็น Net-Zero Energy Provider สำหรับทุกธุรกิจ จึงเดินหน้าขยายธุรกิจและเสริมแกร่ง Business Ecosystem ภายใต้กลยุทธ์ ‘Greener & Smarter’ ของกลุ่มบ้านปู การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัทดูราเพาเวอร์จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรุกตลาด และสร้างมูลค่าในธุรกิจแบตเตอรี่ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น”
บ้านปู เน็กซ์ ยังมองหาโอกาสนำแบตเตอรี่ของดูราเพาเวอร์ไปต่อยอดและใช้งานร่วมกับโซลูชั่นพลังงานสะอาดที่หลากหลายของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดการเดินทางและขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า (EV Fleets) ระบบไมโครกริดอัจฉริยะ และแบตเตอรี่ฟาร์ม เป็นต้น พร้อมเดินหน้ายกระดับธุรกิจแบตเตอรี่และนำเสนอโซลูชั่นด้านแบตเตอรี่ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น รองรับลูกค้าทั่วภูมิภาค
EGAT+Wallbox อีวีมีที่ชาร์จ
ขณะที่เจ้าภาพอย่างบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หนึ่งในเครือบริษัทลูกของ กฟผ. จับมือ Wallbox บุก Future Mobility Asia 2023 โชว์แท่นชาร์จรถอีวีสุดล้ำอย่าง Solar EV Charging เตรียมบุกภาคธุรกิจและตลาดผู้บริโภค ด้วย 2 ระบบควบคุมที่ดียิ่งกว่า โดยการชาร์จไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 100% หรือใช้ระบบชาร์จผสมกับพลังงานกริด ซึ่งช่วยประหยัดเงินและช่วยโลกมากยิ่งขึ้นง่าย ๆ เพียงสั่งงานผ่านแอปพลิเคชั่น myWallbox
นอกจากนี้ยังเปิดตัว Pulsar Pro ที่จะตอบโจทย์ทุกปัญหา ทั้งความสะดวกในการติดตั้งด้วยระบบ Preconfigured 4G เพื่อลดเวลาและลดความผิดพลาด การใช้งานที่ง่ายด้วยการออกแบบที่กะทัดรัดและน่าดึงดูด รวมถึงความคงทนต่อทุกสภาพอากาศ พร้อมประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าในราคาที่ถูกกว่าเดิม
ปตท.มุ่ง Net Zero
นายธนสิทธิ์ วิชัยไพโรจน์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า “เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาดจึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ โดยทาง ปตท.สผ.เองได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593”
โดย ปตท.มีแผนเพิ่มสัดส่วนของการผลิตก๊าซธรรมชาติให้มากขึ้น พร้อม ๆ กับการแสวงหาโอกาสการลงทุนในพลังงานรูปแบบใหม่ เช่น การลงทุนโครงการไฮโดรเจนสีเขียวที่มีการทำ MOU ร่วมกับบริษัท แอควา พาวเวอร์ จำกัด (ACWA Power) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
รวมถึงการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อดูแลรักษาและส่งมอบสิ่งแวดล้อมที่ดีให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป
ภายในงาน ปตท. ได้นำเสนอนวัตกรรมเพื่อสร้างพลังงานสะอาดที่สามารถเข้าถึงได้เป็นวงกว้าง โมเดลการพัฒนาการสร้างพลังงานสะอาด และแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่ ๆ เช่น MERIns เทคโนโลยีสำหรับเก็บตัวอย่างภายในท่อ เพื่อตรวจสอบปริมาณสารตกค้างในท่อส่งปิโตรเลียมใต้ทะเล รวมถึงแสดงผลการดำเนินงานและแผนการของ ปตท.ที่มุ่งไปสู่การสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน
โดรนโดยสารพลังงานไฟฟ้า
ส่วนอุปกรณ์จิ๋วแต่แจ๋ว อย่างโดรนอีวี ก็มีให้เห็น โดยบริษัท Sky Image Tech (SIT) นำโดรนพลังงานไฟฟ้าสำหรับโดยสาร 2 ที่นั่งเตรียมเข้าไทยสิ้นปี 2566 หลังตีตลาดในสหรัฐและจีน
ความพิเศษของโดรนรุ่นนี้คือ โดรน 2 ที่นั่งซึ่งบังคับจากภาคพื้นดิน พร้อมมีระบบเทรนคนขับ รวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้า 100% โดยสามารถใช้ได้ประมาณ 25-30 นาทีต่อการชาร์จเต็มกำลัง ทำให้เหมาะแก่การเดินทางในระยะใกล้ ปัจจุบันกำลังดำเนินการทางกฎหมาย คาดว่าจะแล้วเสร็จและจัดจำหน่ายในประเทศช่วงไตรมาสที่ 3-4
VF8 รถไฟฟ้าสัญชาติเวียดนามเตรียมบุกตลาดไทย
ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนก็คึกคัก “เวียดนาม” เตรียมบุกตลาดรถอีวีไทย หลังประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกาและจีน บริษัท วินฟาสต์ (VinFast) เปิดตัว VinFast VF9 ในมหกรรม Future Mobility Asia 2023 ที่มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูสอดรับกับเทคโนโลยีสุดทันสมัย
และการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและมอเตอร์กำลังสูงสุด 402 แรงม้า ที่สามารถเร่งความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 6.5 วินาที มาพร้อมชุดแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟเต็มกำลังวิ่งไกล 594 กม.
นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยสุดไฮเทคอย่างระบบ ADAS ซึ่งช่วยรักษาความปลอดภัยในการขับขี่ให้ทั้งคนขับและผู้โดยสาร รวมถึงระบบความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น ระบบช่วยเหลือขับรถบนทางด่วน ระบบช่วยเหลือการเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ หรือระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ เป็นต้น
พลังงานจาก Green Hydrogen ทางเลือกใหม่
และที่จะลืมไม่ได้ คือ บริษัทเจ้าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าจากจีน ปีนี้ มีบริษัท SHUANGLIANG มานำเสนอทางเลือกใหม่ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจนสีเขียว เพื่อทดแทนพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เนื่องจากปัจจัยทางสภาพอากาศเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ส่งผลต่อความมั่นคงทางพลังงาน ดังนั้นพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวจะมาตอบโจทย์ปัญหาข้อนี้
โดยทางบริษัทได้เสนอนวัตกรรม Intelligent Hydrogen Production 1.0 ด้วยการใช้เครื่องมือสกัดก๊าซและของเหลว เพื่อให้ได้ก๊าซไฮโดรเจนที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.9999% โดยระบบนี้ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงลดต้นทุน
หลังจากตลาดอีวีและพลังงานสะอาดของไทยคึกคักไม่น้อย และยิ่งรัฐบาลไฟเขียวมาตรการสนับสนุนอีวี หรือแพ็กเกจ 3.5 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจในการลงทุนอีวีต่อเนื่องไปได้อีก 2 ปีเลยทีเดียว