คาโอรีแบรนด์ใหญ่ “แอทแทค” ชูนวัตกรรมชิงตลาดซักผ้า 1.8 หมื่นล้าน

แอทแทค

คาโอ สบโอกาสผลิตภัณฑ์ซักผ้า 1.83 หมื่นล้าน โต 9% สวนเศรษฐกิจ กดสวิตช์รีแบรนด์ “แอทแทค” ครั้งใหญ่ เปลี่ยนโลโก้เพิ่มความทันสมัย พร้อมนวัตกรรม-ทัพอินฟลูเอนเซอร์รุกชิงส่วนแบ่งเซ็กเมนต์น้ำยาซักผ้า หลังแม่บ้าน-คู่รักรุ่นใหม่แห่ใช้ ดันมูลค่าโตพุ่ง 20% ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 2 ตลาดน้ำยาซักผ้าใน 3 ปี

นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้าเริ่มกลับมาเติบโตตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา โดยมูลค่าตลาดรวมของผลิตภัณฑ์ซักผ้าปี 2565 อยู่ที่ 18,300 ล้านบาท โต 9% จากปี 2564 และมีแนวโน้มที่จะโตต่อเนื่องจนมีมูลค่า 19,500 ล้านบาท ในปี 2568 เนื่องจากผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติอีกครั้ง หลังผ่านพ้นวิกฤตการณ์โรคระบาดนานกว่า 2 ปี

ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำ หรือน้ำยาซักผ้าเป็นเซ็กเมนต์ที่มีศักยภาพสูงโดดเด่นในขณะนี้ หลังปีที่ผ่านมาที่เติบโตสูงกว่าตลาดรวม ด้วยการเติบโต 20% จนมีมูลค่า 7,000 ล้านบาท จากการตอบโจทย์ของผู้บริโภครุ่นใหม่ ทั้งด้านความสะดวก ประหยัดเวลา ความสะอาด รวมถึงกลิ่นหอม ขณะเดียวกัน ยังตอบโจทย์ผู้ประกอบการ เนื่องจากเอื้อต่อการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ผู้เล่นแต่ละรายเข้ามาร่วมการแข่งขันและทำให้เซ็กเมนต์นี้คึกคักตามไปด้วย

แม้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดผงจะยังเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาด เพราะความคุ้นเคย
และราคาที่จับต้องง่าย แต่มีความเป็นไปได้ที่หากเทคโนโลยีและนวัตกรรมพัฒนายิ่งขึ้น จนราคาผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำในตลาดปรับตัวลง ก็อาจทำให้ความนิยมต่อผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำขึ้นมาเทียบเท่าแบบผงได้ เพราะความง่ายในการใช้งานที่มากกว่า ซึ่งอาจจะได้เห็นภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี

“เราวิจัยศึกษาตลาดและลูกค้าทั้งในเอเชียและรายประเทศ ล่าสุดพบว่าปัจจุบันลูกค้าต่างต้องการผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มีประสิทธิภาพในการขจัดสิ่งสกปรกสูง ช่วยลดภาระในการซักผ้า โดยเฉพาะเรื่องเวลาที่ลูกค้าต้องการเสียเวลากับงานบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อให้มีเวลากับกิจกรรมอื่น ๆ มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมและตื่นเต้นกับการทดลองผลิตภัณฑ์-สูตรใหม่ ๆ อยู่เสมอ จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าทำตลาดเพื่อชิงส่วนแบ่งเพิ่ม”

ปรับโฉม “แอทแทค” รอบ 35 ปี

ประธานกรรมการ คาโอ อินดัสเตรียลฯกล่าวต่อไปว่า เพื่ออาศัยความเปลี่ยนแปลงนี้มาสร้างความได้เปรียบ และชิงส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบน้ำที่ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ จึงตัดสินใจรีแบรนด์ แอทแทค ครั้งใหญ่ในรอบ 35 ปีที่ทำตลาดในไทย เพื่อขยายฐานไปยังคนรุ่นใหม่ เริ่มจากปรับดีไซน์โลโก้ให้ทันสมัยขึ้น ให้เรียบง่าย แต่สะท้อนวิสัยทัศน์และโพซิชั่นแบรนด์ญี่ปุ่น เช่น วงกลมสื่อถึงวงล้อแห่งความหวัง สีแดงสื่อถึงการมองไปข้างหน้า สีเทาสะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่วนสีน้ำเงินย้ำความเชื่อมั่น และสีขาวแสดงถึงความสะอาด

เช่นเดียวกับตัวสินค้าที่พัฒนาแบบมุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะด้านความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ทำให้การซักผ้าเหลือขั้นตอนเดียวไม่ต้องแช่ ไม่ต้องขยี้ เพียงใส่เข้าเครื่องซักผ้า รวมถึงการโฟกัสกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำเป็นอันดับหนึ่ง ตามความนิยมใช้งานของคนรุ่นใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยี ไมโครวอช (microwash) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดมาใช้ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกรวดเร็วของการซักผ้า รวมถึงลอนซ์สินค้าพร้อมกัน 4 กลิ่นคือ คลีนแอดวานซ์, ชาร์มมิ่ง โรมานซ์, เลดี้ อิลิแกนท์ และรีแล็กซิ่ง โบทานิค รับกับพฤติกรรมที่ชอบทดลองสูตร-กลิ่นใหม่ ๆ

นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์ด้านความใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยปรับสูตรสินค้าลดปริมาณการใช้สารเคมีลง และใช้เอนไซม์จากธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ ซึ่งมีผลิตจากน้ำมันปาล์มแทน รวมถึงปรับการใช้บรรจุภัณฑ์ให้สามารถลดขยะพลาสติกได้ถึง 38 ตันต่อปี

“แม้จะเพิ่มน้ำหนักการทำตลาดน้ำยาซักผ้า แต่เราไม่ทิ้งเซ็กเมนต์ผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบผง และยังให้ความสำคัญ โดยนำเทคโนโลยีไมโครวอชมาใช้ด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์แบบผงยังคงเป็นที่นิยมในตลาดวงกว้าง เพราะอยู่ในความคุ้นเคยของผู้บริโภคและมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าชนิดน้ำ”

กวาดฐานแม่บ้าน-คู่รักยุคใหม่

ด้านการสื่อสารและกลยุทธ์การตลาด เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่คาโอปรับเปลี่ยนในการรีแบรนด์ แอทแทค ครั้งนี้ นายยูจิ ชิมิซึ อธิบายว่า เตรียมผลักดันการสื่อสารทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ตามแนวคิดออมนิแชนแนล (Omni Channel) โดยฝั่งออฟไลน์ มุ่งเพิ่มโอกาสในการทดลองใช้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ผ่านการแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง รวมถึงการใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์ หมาก ปริญ ช่วยดึงความสนใจจากกลุ่มแฟนคลับ ส่วนการสื่อสารกับผู้บริโภคทั่วไปในวงกว้างจะอาศัยสื่อนอกบ้านครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อีกด้วย

ส่วนช่องทางออนไลน์ เพิ่มการสื่อสารและการจัดจำหน่ายในช่องทางอีคอมเมิร์ซ ด้วยช่องทางหลักและช่องทางใหม่ ๆ ของคู่ค้า ทั้งโมเดิร์นเทรด และร้านค้าทั่วไปที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นรวมถึงการเพิ่มการกระจายสินค้าเข้าในช่องทางแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลซทั้งลาซาด้า และช้อปปี้ พร้อมสร้างคอมมิวนิตี้ หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ใช้ในชื่อ Friends of Attack นำร่องโดย คริส พีรวัส นักแสดงดังจาก SOTUS The Series และ เต ตะวัน 1 ใน 50 หนุ่มโสดคลีโอประจำปี พ.ศ. 2557 มาเป็นตัวแทนในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่

“โดยกลุ่มคุณแม่ยุคใหม่ หรือคู่รักยุคใหม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์แอทแทค แต่ตามยุทธศาสตร์ใหม่นี้บริษัทได้เพิ่มกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นกลุ่มเป้าหมายรองด้วย และตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2566 ไว้ที่ 3,220 ล้านบาท หรือเติบโต 12% จากปีก่อน ส่วนแผนระยะยาว 3-5 ปีข้างหน้า จะต้องการขึ้นเป็นอันดับ 2 ในตลาดผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบน้ำให้สำเร็จ”