เฉลิมชัย ฝังทำลายเนื้อกระบือเถื่อนกว่า 110 ตัน ย้ำจับจริงขบวนการลักลอบนำเข้า

ฝังทำลายเนื้อกระบือเถื่อน

รมว. เกษตรเป็นประธานพิธีฝังทำลายกระบือของกลางลักลอบนำเข้ากว่า 110 ตัน ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ย้ำนโยบายป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์อย่างเข้มงวด หากพบจับอย่างเดียว อธิบดีกรมปศุสัตว์เผยตลอดปี 2565 ถึงปัจจุบัน จับกุมการลักลอบนำเข้าเนื้อกระบือและโคแล้ว 88 ครั้ง น้ำหนักรวมกว่า 354 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 53.2 ล้าน

วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางลักลอบนำเข้า ณ ศูนย์กักกันสัตว์เพชรบุรี ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

โดยได้มอบนโยบายให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติงานบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำเข้าเนื้อกระบือและโคอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกระบือและโคเนื้อ เนื่องจากการลักลอบนำเข้าเนื้อกระบือและโค จะทำลายกลไกราคาภายในประเทศ ทั้งยังอาจเป็นพาหะของโรคระบาดสัตว์ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อระบบการเลี้ยงกระบือและโคเนื้อของประเทศไทยอย่างมหาศาล

นอกจากนี้ยังเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากเนื้อกระบือและเนื้อโคที่ลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ อาจมีเชื้อโรคและสารตกค้างที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

สำหรับการฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางในวันนี้ มีจำนวนมากถึง 110,079 กิโลกรัม หรือ 110 ตัน มูลค่ารวม 14,529,665 บาท พร้อมย้ำว่าได้กำชับกรมปศุสัตว์ให้เข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์และสัตว์มีชีวิตอย่างต่อเนื่อง

“การจับเนื้อเถื่อนเป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งการดำเนินการในวันนี้ เกิดจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกต้อง ทั้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ตำรวจ กรมศุลกากร การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นบ่อนทำลายประเทศ ทั้งเนื้อไก่ ขาไก่ เนื้อสุกร เนื้อโค เนื้อกระบือ ที่มีการลักลอบนำเข้ามา เป็นบ่อนทำลายเสถียรภาพด้านราคา มาตรฐาน คุณภาพ สุขภาพร่างกาย ความเจ็บป่วยของผู้บริโภค หากตรวจพบให้จับอย่างเดียว แล้วดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ต้องมาเคลียร์ จะไม่ยอมให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

โดยให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อไป และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ฝากถึงผู้บริโภค ต้องเลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพและขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจได้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะปกป้องอาชีพของเกษตรกรและคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคอย่างเต็มที่”

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ในการฝังทำลายเนื้อกระบือ 110,079 กิโลกรัมในวันนี้ ต้องใช้รถบรรทุกสิบล้อดัมพ์ 11 คัน รถกระบะคอก 4 คัน เพื่อขนส่งเนื้อกระบือลักลอบมาฝังทำลาย โดยใช้รถแบคโฮขุดหลุมและฝังกลบ 2 คัน รวมทั้งพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคซึ่งวิธีการฝังทำลายเนื้อกระบือของกลางลักลอบนำเข้า เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (World Organization for Animal Health หรือ WOAH) ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมในการทำลายซากและของเสียจากสัตว์ปริมาณมากที่สามารถทำได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย มีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กรมปศุสัตว์ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมศุลกากร ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกรณีการลักลอบนำเข้าซากกระบือและซากโค (เนื้อ เครื่องใน และชิ้นส่วน) จำนวนทั้งสิ้น 88 ครั้ง น้ำหนักรวม 354,147 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 53.2 ล้านบาท

สำหรับการดำเนินการกับซากกระบือและซากโคของกลางแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนที่หนึ่งได้ทำลายไปแล้วจำนวน 244,068 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 38.7 ล้านบาท ส่วนที่สองได้รวบรวมเพื่อทำลายในวันนี้ 110,079 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 14.5 ล้านบาท โดยแหล่งผลิตของเนื้อกระบือของกลาง ส่วนใหญ่มาจากประเทศอินเดีย