เอราวัณขยายการผลิตก๊าซธรรมชาติ ป้อนผลิตไฟฟ้า

เอราวัณขยายการผลิตก๊าซธรรมชาติ ป้อนผลิตไฟฟ้า

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เผยข่าวดีแหล่งก๊าซธรรมชาติ “เอราวัณ” ขยายการผลิตเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน มั่นใจผลิตได้ตามเป้า พร้อมป้อนโรงไฟฟ้า สร้างความมั่นใจด้านพลังงาน

วันที่ 29 มิถุนายน 2566 นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 (แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ) ได้ทำการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอัตรา 210 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ดำเนินการติดตั้งแท่นหลุมผลิตใหม่ จำนวน 8 แท่น และการจัดหาแท่นขุดเจาะจำนวน 4 ตัว เพื่อสนับสนุนการเจาะหลุมบนแท่นหลุมผลิตใหม่ และแท่นหลุมผลิตเดิม

สราวุธ แก้วตาทิพย์
สราวุธ แก้วตาทิพย์

รวมทั้งมีแผนจัดหาแท่นขุดเจาะเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ตัว เพื่อนำมาใช้เร่งการเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติม ซึ่งความคืบหน้า ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 ได้มีการเจาะหลุมแล้วเสร็จจำนวน 96 หลุม จากแผนเจาะหลุมตามแผนงานในปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 273 หลุม

โดยการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติได้ที่อัตรา 210 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และสามารถเพิ่มอัตราการผลิตเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้ตามแผน ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป

Advertisment

อีกทั้งยังมั่นใจจะสามารถเพิ่มอัตราการผลิตได้ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนธันวาคมนี้ และจะกลับมาผลิตได้ตามเงื่อนไขในสัญญาแบ่งปันผลผลิตในเดือนเมษายน 2567 ที่อัตรา 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้

โดยจะมีการดำเนินงานสำคัญเพิ่มเติมภายในปีนี้ เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติตามเป้าหมาย อาทิ การติดตั้งแท่นหลุมผลิตใหม่ การจัดหาแท่นขุดเจาะเพิ่มเติม และการบริหารจัดการการใช้งานแท่นขุดเจาะเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น

“กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ติดตาม กำกับดูแล พร้อมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อให้การก่อสร้างและติดตั้งแท่นหลุมผลิตใหม่ การเจาะหลุมผลิต และงานอื่น ๆ เป็นไปอย่างราบรื่นตามกำหนดการ และเป้าหมาย เพื่อให้การผลิตปิโตรเลียมจากแปลงสำรวจฯ G1/61 กลับมามีอัตราการผลิตสูงสุดในอ่าวไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นข่าวดีต่อสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ จะส่งผลให้ช่วยลดการนำเข้า LNG จากต่างประเทศมาผลิตไฟฟ้า ช่วยลดความผันผวนของภาระค่าไฟฟ้า และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เศรษฐกิจ และสังคม ให้แก่ประเทศต่อไป” นายสราวุธกล่าว