
“เพลี้ยหอย” เริ่มระบาดในทุเรียนหลาย ๆ พื้นที่ ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัด ปัตตานี รวมขั้นตอนการกำจัดเพลี้ยหอย
วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ขณะนี้มีการแจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเฝ้าระวัง “เพลี้ยหอย” เริ่มระบาดในทุเรียนหลาย ๆ พื้นที่ ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรจังหวัดปัตตานี ระบุว่า เพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียนจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากบริเวณใบ กิ่ง ตา และขั้วผล เมื่อมีการระบาดรุนแรงจะทำให้ส่วนต่าง ๆ ของพืช เหลืองหรือแห้งตาย
การระบาดของเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียน มักมีการระบาดเป็นกลุ่ม ๆ เนื่องจากแมลงชนิดนี้สามารถเคลื่อนที่ได้เฉพาะระยะตัวอ่อนวัยที่ 1 เท่านั้น
เมื่อมีการลอกคราบเพื่อเจริญเติบโตไปสู่วัยต่าง ๆ โดยคราบเก่าของวัยที่ 1, 2 และ 3 จะอยู่ด้านข้างของแผ่นปกคลุมลำตัวซึ่งจะขยายขนาดใหญ่ออกเรื่อย ๆ ตามระยะการเจริญเติบโตของเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียน ดังนั้นเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียนจะปกคลุมทั่วทั้งใบ กิ่ง ตา และขั้วผล ทำให้พืชไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้
5 ขั้นตอนกำจัดเพลี้ยหอย
วิธีป้องกันกำจัด
1.หากพบเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียนเล็กน้อยให้ตัดส่วนที่ถูกทำลายเผาทิ้ง
2.เมื่อพบเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียนปริมาณน้อยบนใบใช้น้ำผสมไวต์ออยล์ 67% อีซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วช่วยในการกำจัดเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียนได้ดี
3.สารฆ่าแมลงที่ได้ผลในการควบคุมเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียน คือ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิลยูพี อัตรา 15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นเฉพาะต้นที่พบเพลี้ยหอยเกล็ดทุเรียนเข้าทำลาย
สารป้องกันกำจัด
ล่าสุดสมาคมทุเรียนไทย มาแนะนำสารป้องกันกำจัดเพลี้ยหอย
กลุ่มสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้เมื่อพบเพลี้ยหอย เพลี้ย
แป้ง ระบาด จะมีอยู่ 2 กลุ่ม นั่นคือ
กลุ่ม 2B พิโฟรนิล
กลุ่ม 3 ไพรีทรอยด์ เช่น ไซเปอร์เมทริน แลมป์ดา ไซฮาโลทริน เดลต้า เมทริน เป็นต้น
ทำไมถึงห้ามใช้สาร 2 กลุ่มนี้
เหตุผลคือ เพราะจะทำให้เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย ระบาดเพิ่มขึ้น เพราะสารกลุ่มไพรีทรอยด์ ไปฆ่าตัวห้ำตัวเบียนที่มาทำลายเพลี้ยแป้ง และไปกระตุ้นให้แมลงออกลูกเร็วขึ้นและมากขึ้น นอกจากนี้แล้ว สารกลุ่มไพรีทรอยด์ยังทำให้ไรแดง และแมลงหวี่ขาวระบาดเพิ่มด้วย
การจัดการเพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย ใช้วิธีผสมผสาน ดังนี้
1.ตัดกิ่งและใบที่พบเพลี้ยมากไปทำลายจะลดจำนวนได้มาก เพราะตัวแม่
1 ตัว สามารถออกลูกได้ถึง 500-1,000 ตัว ถ้าเก็บไว้ พ่นสารเคมีดีแค่ไหนก็ตายไม่หมด
2.พ่นสารปิโตรเลียมออยล์หรือไวต์ออยล์
3.ใช้สารเคมี
กลุ่ม 1 พิริมิฟอสเมทิล ไดอะซินอน โอเมโทเอต มาลาไทออน โพรไทโอฟอส
กลุ่ม 4 อิมิดาโคลพริด ไทอะมีทอกแซม ไดโนทีฟูแรน อะซีทามิพริด
กลุ่ม 6 อะบาเมกติน
กลุ่ม 7C ไพรีพอกซีเฟน
กลุ่ม 9 ไพมีโทรซีน
กลุ่ม 15 โนวาลูรอน ลูเฟนนูรอน
กลุ่ม 16 บูโพรเฟซีน
กลุ่ม 23 สไปโรมีไซเฟน สไปโรเตตระแมต
กรณีพ่นสารสูตรอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สูตร EC ควรบวกไวต์ออยล์ หรือปิโตรเลียมออยล์ แทนสารจับใบจะเสริมประสิทธิภาพได้ ทั้งนี้ ข้อสำคัญ ไม่ควรพ่นสารกลุ่มเดียวซ้ำเกิน 2 รอบ ควรสลับกลุ่มยาเพื่อป้องกันการดื้อของแมลงศัตรูพืช
ควรจำกลุ่มสาร และชื่อสามัญ มากกว่าชื่อทางการค้า เพราะบางร้านที่ขายอาจจะไม่รู้จักชื่อทางการค้า