
GC รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ยอดขาย 1.46 แสนล้าน ปรับลดลง 25% ขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท จากปัจจัยหลักธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น “โรงกลั่น” ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง
วันที่ 11 สิงหาคม 2566 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ภาพรวมครึ่งปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 298,096.14 ล้านบาท กำไรสุทธิติดลบ -5,508.95 ล้านบาท โดยผลประกอบกิจการไตรมาส 2/2566 รายได้จากการขายรวม 146,731 ล้านบาท ใกล้เคียงกับในไตรมาส 1/2566 แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- เปิดค่าตอบแทน “ผู้บริหาร” ยักษ์ บจ. BBL จ่ายพันล้านต่อปี ทิ้งห่างคู่แข่ง
สำหรับไตรมาส 2/2566 บริษัทรายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 6,835 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/2566 ร้อยละ 28 และบริษัทรายงานผลการขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท (-1.24 บาท/หุ้น) ซึ่งหลัก ๆ มาจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แม้ว่ารายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับปริมาณขายและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้
ทั้งนี้ เมื่อแยกรายกลุ่มธุรกิจ เป็นกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น โดยเฉพาะโรงกลั่นปรับตัวลดลง เนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์หลักปรับตัวลดลง ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์อ่อนตัวลงโดยจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการอ่อนตัวลง เนื่องจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบของประเทศจีนมีการฟื้นตัวของอุปสงค์ได้ช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีผลประกอบการดีขึ้น โดยหลักจากธุรกิจฟีนอล และผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษยังคงอยู่ในระดับเดียวกับในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความกดดันจากปัจจัยทั้งในด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ปลายทางของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
และการเริ่มดำเนินการของกำลังการผลิตใหม่ในตลาด โดยเฉพาะจากประเทศจีน ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน โดยเฉพาะในธุรกิจปิโตรเคมีได้รับผลกระทบ ส่งผลให้บริษัทยังคงรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 405 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง รายการพิเศษอื่น ๆ) 2,620 ล้านบาท
โดยบริษัทรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 2,659 ล้านบาท
ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ เพื่อประกันความเสี่ยง 327 ล้านบาท ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นขาดทุน 1,047 ล้านบาท บริษัทมีการบันทึกรายการพิเศษในไตรมาส 2/2566 ได้แก่ กำไรจากการขายสินทรัพย์สุทธิของบริษัท allnex โดยเป็นการขายและเช่ากลับคืน ทำให้รับรู้กำไรจากรายการดังกล่าวสุทธิที่ 485 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 2/2566 บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท (-1.24 บาท/หุ้น)
สำหรับผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสนี้ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นมีผลประกอบการอ่อนตัวลงอย่างมาก เนื่องจากการลดลงของค่าการกลั่น (GRM) จากระดับ 10.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 5.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสนี้ เป็นผลจากการลดลงของส่วนต่างผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ทั้งส่วนต่างผลิตภัณฑ์ดีเซลและส่วนต่างผลิตภัณฑ์น้ำมันเตากำมะถันต่ำ แม้ว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากพรีเมี่ยมน้ำมันดิบ (Crude premium) ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในไตรมาสนี้ รวมถึงการใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่เพื่อรักษาระดับปริมาณขายก็ตาม
ธุรกิจอะโรเมติกส์มีผลประกอบการอ่อนตัวลงเช่นเดียวกัน โดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เบนซีนและส่วนต่างผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสนี้ แม้ว่าส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ โรงโอเลฟินส์มีผลประกอบการดีขึ้นโดยหลักจากการใช้กำลังการผลิตที่มากขึ้น รวมถึงราคาวัตถุดิบเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันในไตรมาสนี้
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีผลประกอบการดีขึ้น โดยหลักจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ฟีนอลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบหลักปรับตัวลดลงอย่างมาก ถึงแม้อุตสาหกรรมปลายทางยังคงอ่อนตัว และยังคงมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาดจากประเทศจีน ผลิตภัณฑ์กรดเทเรฟทาลิกบริสุทธิ์มีส่วนต่างผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น
โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ตามฤดูกาลของอุตสาหกรรมปลายทางเส้นใยและสิ่งทอในช่วงครึ่งแรกของไตรมาส รวมถึงกำลังการผลิตที่ตึงตัวระหว่างไตรมาส จากการควบคุมกำลังการผลิตและการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตในตลาด ทั้งนี้ แม้ว่าโรงงานโมโนเอทิลีนไกลคอลยังคงหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาสนี้
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาวัตถุดิบ รวมถึงอุปสงค์ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่การเปิดประเทศเต็มรูปแบบของประเทศจีนยังไม่ได้มีผลกระทบเชิงบวกต่ออุปสงค์อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากอุปสงค์ที่อ่อนตัวโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมปลายทางของแฟตตี้แอลกอฮอล์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษยังคงสามารถบริหารจัดการราคาขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ได้ดี ในขณะที่ปริมาณขายใกล้เคียงกับในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยังถูกกดดันจากภาพรวมภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอ