ราคาน้ำมันดิบ (1 ก.ย. 66) ปรับเพิ่ม หลังกลุ่ม OPEC+ นำโดยซาอุฯ อาจปรับลดกำลังผลิต

น้ำมันดิบ คลังน้ำมัน สหรัฐ
Photo by Johannes EISELE / AFP

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส และเบรนต์ปรับเพิ่ม หลังกลุ่ม OPEC+ นำโดยซาอุฯ อาจปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง

วันที่ 1 กันยายน 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส และเบรนต์ปรับเพิ่ม หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าซาอุดีอาระเบียจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบด้วยความสมัครใจ ออกไปจนถึงเดือน ต.ค. 66 เพิ่มเติมจากกลุ่ม OPEC+ ปรับลดการผลิตอยู่ก่อนแล้ว

ดัชนีการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐปรับเพิ่ม 0.8% เมือเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจสามารถยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ หากตลาดแรงงานและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตาม ตลาดยังต้องรอความชัดเจนจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย. 66 นี้

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของจีนในเดือน ก.ค. 66 อยู่ที่ระดับ 49.7 ปรับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.3 แต่ยังคงหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ส่งผลให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังต้องหาแนวทางเพื่อพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินจากอินโดนีเซียปรับลดลง อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.2 ล้านบาร์เรล มาแตะระดับ 217.4 ล้านบาร์เรล เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

Advertisment

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลจากจีนและเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งตลาดยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลของอินเดียที่ปรับตัวลดลง

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสเมื่อ 31 ส.ค. 2566 อยู่ที่ 83.63 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.00 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 86.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.00 เหรียญสหรัฐ