
รายงาน
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ในการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีครอบครัว “ณรงค์เดช” และคดีหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) “ณพ ณรงค์เดช” อดทนรอศาลพิพากษายืนยันความบริสุทธิ์นานถึง 6 ปี วันนี้ความจริงกระจ่างแล้ว จึงเปิดใจให้สัมภาษณ์
ไม่ตอบโต้ รอคำพิพากษาครบทุกคดี
เป็นเวลานานถึง 6 ปีแล้วที่มีบุคคล 2 กลุ่ม คือนายนพพร ศุภพิพัฒน์ และพี่และน้องของผม (กฤษณ์-กรณ์) ที่ได้ทำการเผยแพร่และให้ข่าวเกี่ยวกับที่พวกเขามาฟ้องคดีผมและคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา (แม่ยาย) โดยใช้วิธีการให้ข่าวที่เบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้ข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน เพื่อทำให้ผู้ติดตามข่าวเกิดความเข้าใจผิด ว่าผมไปโกงนายนพพร ไปโกงพี่น้อง ซึ่งทำให้ผม คุณหญิงกอแก้ว ภรรยาและลูก ๆ ของผมเสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับผลกระทบต่าง ๆ มากมาย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ย. ย้อนหลัง 10 ปี
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 พ.ย. 2566
- ถ่ายทอดสดหวย ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลวันนี้ (16 พ.ย. 66)

“เราเลือกที่จะไม่ตอบโต้รอให้ศาลมีคำพิพากษาครบทุกคดี จึงค่อยออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงทีเดียวเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าความจริงคืออะไร ใครกันแน่ที่โกง เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมปีที่แล้ว วันที่ 28 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ศาลอาญารัชดาและศาลอาญาใต้ตามลำดับได้มีคำพิพากษายกฟ้องทั้ง 2 คดี ในเรื่องที่พี่กับน้องได้ให้คุณพ่อมาฟ้องผมและคุณหญิงกอแก้ว ในข้อหาใช้เอกสารปลอมแปลงเอกสาร”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลแขวงพระนครใต้ ได้พิจารณาคดีซึ่งนายนพพรได้ฟ้องผมและพวก ในคดีอาญาที่เรียกว่าโกงเจ้าหนี้ ซึ่งเป็นคดีสุดท้ายที่ผมรอฟังคำพิพากษาอยู่ ศาลก็ได้มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทุกคนเช่นเดียวกัน
วันนี้ผมจึงพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนเพื่อชี้แจงให้เห็นถึงการเบี่ยงเบนประเด็นที่ทำให้ผมเป็นคนผิดทั้ง ๆ ที่พยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่าผมไม่ได้ทำผิดใด ๆ
เรื่องเกิดจากหุ้น WEH
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดจากกรณีที่ผมไปซื้อบริษัท WEH จากนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ที่ได้หลบหนีออกจากประเทศไทยด้วยคดีอาญาข้อหาเรื่องทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขังซึ่งกระทำการผิดมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา จึงมีความจำเป็นต้องขายหุ้นออกมา การขายหุ้นแบบขายขาดแล้วค่อยชำระเงินทีหลังเพื่อแก้ไขปัญหาของบริษัท WEH ที่ไม่สามารถกู้เงิน เพื่อดำเนินกิจการต่อไปได้ จากปัญหาที่คุณนพพรถือหุ้นใหญ่ ทำให้ธนาคารไม่ให้สินเชื่อ
ซึ่งสัญญาซื้อขายเป็นแบบ “ขายขาด” ซึ่ง ณ ตอนนั้น ภาพรวมโครงการทั้งหมดมี 7 โครงการ 717 เมกกะวัตต์ มูลค่า 700 ล้านเหรียญ แต่ด้วยเหตุที่สร้างเสร็จไปแล้ว 2 โครงการ ส่วนที่เหลืออีก 5 โครงการที่เหลือตอนนั้นยังไม่เสร็จ จึงได้ทำสัญญาจ่ายส่วนที่เหลือเป็นแบบ “Bonus payment” รวม 525 ล้านเหรียญสหรัฐ
ดังนั้น มูลค่าที่ซื้อทั้งหมดรวม 175 ล้านเหรียญทั้งก้อน หรือประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท โดยได้แบ่งชำระเงินเป็น 2 งวด คือ งวดแรก 90.5 ล้านเหรียญ และ 89.5 ล้านเหรียญ ซึ่งความแน่ใจคือ ต้องมีสัญญาที่ดินกับส.ป.ก. และสัญญาซื้อขายไฟด้วย
“เมื่อผมได้รับการโอนหุ้นมาผมก็ได้ชำระเงินงวดแรก เมื่อปลายปี 2558 จำนวน 90.5 ล้านเหรียญจากทั้งหมด 175 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท แต่ภายหลังจากนั้นนายนพพรได้ไปฟ้องขอหุ้นคืนและแพ้คดี อนุญาโตตุลาการได้บังคับให้เขาปฏิบัติตามสัญญาต่อผม คือ ให้รับชำระเงินค่าหุ้นส่วนหนึ่งต่อไปเอาหุ้นคืนไม่ได้ผมจึงชำระเงินอีก 85.75 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2561 ซึ่งครบตามสัญญาเหลือเพียง Bonus payment ที่ยังค้างอยู่ในศาลไทยเท่านั้น”
เมื่ออนุญาโตตุลาการให้นายนพพรได้รับเงินค่าหุ้นไปแล้ว (เพราะสัญญาขายขาดไม่สามารถคืนหุ้นได้) แต่เขาก็ยังเดินหน้าไปฟ้องต่อในคดีอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในประเทศไทยและในประเทศอังกฤษ
ซึ่งคดีทุกคดี ทั้งที่เขตบริหารปกครองพิเศษฮ่องกง และในประเทศไทย ศาลตัดสินให้ผม และคุณหญิงกอแก้วชนะทุกคดี มีเพียงศาลอังกฤษเพียงศาลเดียว ที่ตัดสินบนกฎหมายไทย ที่ตัดสินให้ผมและคุณหญิงแพ้คดีต้องชดใช้เงินจำนวนมหาศาลให้นายนพพร
ศาลอังกฤษนี้อ้างความชอบธรรมที่จะฟังความจากนายนพพรเพียงด้านเดียว โดยได้เขียนคำพิพากษาว่าเห็นว่านายนพพรเป็นผู้สุจริต โดยไม่ได้นำเสนอข้อโต้แย้งและความคิดเห็นต่าง ๆ ที่ฝ่ายผมได้นำสืบไปว่า นายนพพรเป็นคนที่ไม่สุจริต อย่างไร ยกตัวอย่าง 4 ข้อ คือ
1) นายนพพรถูกพิพากษาจำคุกโดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในประเทศไทยจากความผิดฐานยักยอกทรัพย์
2) นายนพพรเป็นผู้ต้องหาที่หนีคดีอาญา เรื่องทำร้ายร่างกายและหน่วงเหนี่ยวกักขังและกระทำผิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา
3) นายนพพรถูกศาลฮ่องกงพิพากษาว่าจงใจปกปิดข้อเท็จจริงสำคัญในการดำเนินคดีที่ศาลฮ่องกง
4) นายนพพรได้ขัดขวางให้ผมไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าหุ้นให้ทันเวลาตามที่นายนพพรกำหนดเพื่อให้ผมผิดนัด แล้วนายนพพรจะได้อ้างเป็นเหตุในการบอกเลิกสัญญาซื้อขายเพื่อเลือกเอาหุ้น WEH ตามที่ได้วางแผนไว้ท้ายที่สุดผมก็เป็นฝ่ายชนะคดี
นายนพพรใช้สื่อที่วางแผนเอาไว้ประโคมโจมตีว่าผมและคุณหญิงโกงเขาและในคำพิพากษาที่ศาลอังกฤษได้ใช้กฎหมายไทยได้ถูกศาลแขวงพระนครใต้ตัดสินแล้วเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาในคดีที่นายนพพรฟ้องผมว่าโกงเจ้าหนี้
ศาลไทยได้พิพากษา ว่าไม่มีการโกงเจ้าหนี้ให้ ยกฟ้อง
สำหรับรายละเอียดของการสัญญาการซื้อขายการซื้อหุ้น WEH ทางอ้อม ผ่านบริษัทที่ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และผ่านบริษัทที่นายนพพรเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ REC
ปมร้าว กฤษณ์-ณพ-กรณ์
“เรื่องผมกับพี่น้อง ที่คุณพ่อต้องมาเกี่ยวข้องด้วยเป็นเรื่องที่ผมเสียใจที่สุดและเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตผมมูลเหตุที่เกิดขึ้นเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นจากหุ้น WEH ที่ซื้อมาจากนายนพพร”
ที่พี่ชายให้สัมภาษณ์เรื่องธุรกิจกงสี ผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงว่าอะไร เพราะหากนับทรัพย์สินที่ถือร่วมกันกับพี่น้อง คือ ทรัพย์
มรดกคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช หลายรายการที่กำหนดตามพินัยกรรม ซึ่งพี่ชายเป็นผู้จัดการมรดก แต่ยังไมได้แบ่งตามเจตนารมย์คุณแม่ ยังไม่ได้มีการแบ่งมาให้ผมและหลาน ๆ
ในส่วนของบริษัทที่ 3 พี่น้องถือหุ้นร่วมกัน ถือหุ้นสัดส่วนคนละ 1 ใน 3 ก็มีเพียงบริษัท เคพีเอ็นแลนด์ เท่านั้น ซึ่งในอดีตผมได้ทำหน้าที่ดูแลธุรกิจนี้ให้ครอบครัวด้วยความเต็มใจ จนกระทั่งเกิดความขัดแย้งเรื่อง WEH ผมจึงโดนกันออกมาไม่ให้บริหาร หรือร่วมตัดสินใจใด ๆ รวมถึงกรณีเคพีเอ็นแลนด์เข้าไปถือหุ้น บมจ.ไรมอนแลนด์ด้วย
อีกด้านหนึ่ง ผมยังได้มีความสนใจทำธุรกิจส่วนตัว เพราะจากที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่สอนให้ขยันทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์สุจริต สำหรับธุรกิจส่วนตัว คือ สถาบันดนตรีเคพีเอ็น ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผมรักและภูมิใจมากเพราะตามความปรารถนาของคุณแม่ ปัจจุบันมี 26 สาขาทั่วประเทศ ส่วนธุรกิจโรงพยาบาลนวเวชได้ร่วมเกิดจากการร่วมหุ้นกับพันธมิตร 2 ราย
ครอบครัว หาว่า “เพ้อฝัน”
“ที่ผ่านมา เมื่อพบธุรกิจที่น่าสนใจจะชวนพี่และน้องก่อนเสมอ รวมถึงการลงทุน WEH ด้วย ถามว่าสนใจจะร่วมทุนหรือไม่ ผมได้คำตอบว่าเพ้อฝัน เขาปฏิเสธไม่ลงทุนกับผม ผมจึงเดินหน้าสรรหาเงินทุนด้วยตนเอง เพราะเชื่อเป็นธุรกิจที่มีอนาคต และเมื่อผมได้เข้าไปบริหารจนมีกำไร สามารถจ่ายปันผลได้ พี่กับน้องก็มากล่าวอ้างว่าได้ร่วมลงทุนด้วย
ผมได้ชี้แจงไปว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม แต่ทั้งสองได้ไปยื่นฟ้องผมที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้บังคับให้โอนหุ้น WEH ให้เขาทั้งสองคนรวมกัน 49% แบบฟรี ๆ โดยอ้างว่าลงทุนด้วย ซึ่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาว่าไม่ได้มีการร่วมลงทุนซื้อ WEH นอกจากนี้ยังฟ้องคดีอาญาว่าผมและคุณหญิงกอแก้วใช้เอกสารปลอม เพื่อเป็นการกดดันให้ผมยอมแบ่งหุ้น WEH ให้เขาทั้งสอง ซึ่งศาลได้ยกฟ้องทั้งคดี”
การแถลงข่าวเรื่องการปลอมเอกสารก็เป็นเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องของคดี ที่ศาลยกฟ้องทั้ง 2 คดีคุณหญิงกอแก้วไม่ได้ปลอม ผมไม่ได้ปลอมเอกสาร และไม่ได้ใช้เอกสารปลอม ซึ่งทั้งสองคนไม่เคยให้ข่าวว่าศาลแพ่งกรุงเทพฯใต้ พิพากษายกฟ้องว่าทั้งสองคนไม่ได้ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกับผม เท่ากับไม่มีสิทธิใด ในหุ้น
นอกจากนี้เขายังไม่ยอมบอกใด ๆ เลยว่าผมฟ้องพี่ชายที่เป็นผู้จัดการมรดกที่ไม่เคยแบ่งมรดกตามเจตนารมณ์ของคุณแม่ที่เขียนไว้ในพินัยกรรมให้ผมและหลาน ๆ ตั้งแต่ปี 2556 นับจากวันที่คุณแม่จากเราไปเป็นเวลา 10 ปี พี่ชายก็ยังมีพฤติกรรมเบียดบังค่าเช่าที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกที่ตกมาถึงลูกทั้ง 3 คนเอาไปเป็นของตนเองแต่ผู้เดียว
ซึ่งผมได้ฟ้องที่ศาลแขวงกรุงเทพฯใต้ และศาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย จนมีคำพิพากษาจำคุกคุณกฤษณ์เป็นเวลา 12 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และยังมีพฤติการณ์ลักษณะเดียวกันนี้อีก ซึ่งอาจจะต้องรับผิดเพิ่มอีกในหลายกรณี
ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปหาคุณพ่อ
ที่ผ่านมา ผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว จึงไม่ต้องการพูดผ่านสื่อ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่ทั้งสองได้ใช้สื่อในการให้ร้ายกล่าวหาผมว่าเป็นคนโกงพี่โกงน้อง ทำให้ครอบครัวมีปัญหาจนทำให้เกิดความแตกแยกในครอบครัว ผมจึงถูกบังคับด้วยสถานการณ์ให้ออกมาแจ้งข้อเท็จจริงให้ครบเพื่อที่จะสรุปให้ให้ครบ เพื่อจะสรุปข้อเท็จจริงว่าใครกันแน่ที่โกง
“แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา ผมจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปพบคุณพ่อที่บ้าน ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าไปหาคุณพ่อ ไม่ว่าจะเป็นลูกผมก็ไม่สามารถพบคุณพ่อได้ แต่ว่าจะมีความพยายามผ่านวิธีการต่าง ๆ มีผู้ใหญ่ที่เคารพมาประสานมีการเจรจาพูดคุยกันประมาณ 20 ครั้ง”
“อยากจะเรียนว่าผมและลูก ๆ ยังเคารพคุณพ่ออย่างสูงเช่นเดิม และรอวันที่จะเข้าไปกราบคุณพ่อ”
อย่างไรก็ตาม เรื่องการฟื้นความสัมพันธ์ของพี่น้องนั้น นายณพกล่าวว่า คุณพ่อคุณแม่สอนมาตลอดว่าถ้าเราทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิด
สำหรับผมถ้าใครทำผิดแล้วยอมรับผิด ผมก็พร้อมที่จะให้อภัย
“ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ทั้งพี่วุฒิ พี่เหม็ง ทีมทนายทุกคนที่ยืนกับผมมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ขอบคุณคู่ชีวิตผมคือคุณดาว ลูกทั้งสอง ที่ยืนอยู่กับผมในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดในชีวิต”