
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียแถลงยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าจะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 66 ตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ โดยซาอุดีอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อคงกำลังการผลิตที่ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน และรัสเซียจะปรับลด 3 แสนบาร์เรลต่อวัน
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์จากธนาคารยูบีเอสคาดการณ์ว่าทั้งสองประเทศอาจจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2567 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่มักจะอ่อนตัวในช่วงต้นปี และความกังวลจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 6 พ.ย. 2566 อยู่ที่ 80.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.31 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 85.18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.29 เหรียญสหรัฐ
จีน ได้ปรับลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในพ.ย. 66 เนื่องจากกำไรที่หดตัวและโควตาการส่งออกที่มีจำกัดในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจส่งผลให้ลดการนำเข้าน้ำมันดิบของจีน และจำกัดราคาน้ำมันทั่วโลก
การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 ปรับลดลงร้อยละ 0.1 เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจของยูโรโซนในเดือน ต.ค. 66 ชะลอตัวลงอย่างมาก โดยทั้งนี้คาดเศรษฐกิจของยูโรโซนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้มีแนวโน้มหดตัว
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในฟิลิปปินส์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนจากการส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มปรับลดลง