ราคาน้ำมันดิบ (7 พ.ย.) ปรับเพิ่ม หลังซาอุฯ-รัสเซียปรับลดกำลังผลิตจนถึงสิ้นปี

ราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียแถลงยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าจะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 66 ตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ โดยซาอุดีอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อคงกำลังการผลิตที่ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน และรัสเซียจะปรับลด 3 แสนบาร์เรลต่อวัน

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์จากธนาคารยูบีเอสคาดการณ์ว่าทั้งสองประเทศอาจจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2567 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่มักจะอ่อนตัวในช่วงต้นปี และความกังวลจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 6 พ.ย. 2566 อยู่ที่ 80.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.31 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 85.18 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.29 เหรียญสหรัฐ

จีน ได้ปรับลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในพ.ย. 66 เนื่องจากกำไรที่หดตัวและโควตาการส่งออกที่มีจำกัดในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจส่งผลให้ลดการนำเข้าน้ำมันดิบของจีน และจำกัดราคาน้ำมันทั่วโลก

การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 ปรับลดลงร้อยละ 0.1 เทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจของยูโรโซนในเดือน ต.ค. 66 ชะลอตัวลงอย่างมาก โดยทั้งนี้คาดเศรษฐกิจของยูโรโซนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้มีแนวโน้มหดตัว

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในฟิลิปปินส์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงหนุนจากการส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มปรับลดลง