โออาร์เปิดแผนลงทุนธุรกิจ Global ทุ่ม 8 พันล้าน ปั๊ม EBITDA โตเท่าตัวทะลุ 15%

ษทัต ปันยารชุน

โออาร์เปิดแผนลงทุนธุรกิจ Global ทุ่ม 8 พันล้าน ปั๊ม EBITDA โตเท่าตัวทะลุ 15% ในปี’71 เดินหน้าต่อกัมพูชาบ้านหลังที่ 2

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า โออาร์เตรียมงบฯลงทุนสำหรับปี 2567 ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท จากงบประมาณ 5 ปี (ปี 2567-2571) โดยกลุ่มธุรกิจ Global จะใช้งบฯอยู่ที่ 8,007 ล้านบาท หรือประมาณ 12% จากงบฯลงทุนรวม 67,000 ล้านบาท

โดยเน้นการขยายสถานีบริการพีทีที สเตชั่น และคาเฟ่ อเมซอน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีศักยภาพ ซึ่งมีเป้าหมายการเติบโต โดยให้มีกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 15% ภายในปี 2571 ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 7%

อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของโออาร์ คือการสร้างความสำเร็จและการยอมรับในตลาดโลก โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะประเทศกัมพูชาที่นับว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเรา ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ

ตลอดจนแสวงหาโอกาสร่วมกับพันธมิตรทั้งจากประเทศไทยและพันธมิตรในพื้นที่รวมไปถึงการขยายธุรกิจใหม่ ๆ โดยเน้นไปที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การขยายธุรกิจ LPG ในกัมพูชาและเวียดนาม โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึงมีแผนที่จะนำธุรกิจไลฟ์สไตล์ อาทิ โอ๋กะจู้ หรือร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry

ร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry

โดยที่ผ่านมาได้มีการลงทุนทั้งสถานีบริการพีทีที สเตชั่น ควบคู่ไปกับคาเฟ่ อเมซอน ในประเทศกัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ เวียดนาม โอมาน มาเลเซีย และญี่ปุ่น รวมถึงมีการให้บริการน้ำมันอากาศยาน (Jet A-1) ให้กับสายการบินและสนามบินในหลายประเทศ

 

อาทิ การจำหน่ายน้ำมัน Jet A-1 ให้กับสายการบินแห่งชาติฟิลิปปินส์ ซึ่งปัจจุบันมียอดจำหน่ายกว่า 103 ล้านลิตรในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 หรือในกัมพูชาเองก็ได้ร่วมลงทุนในบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2567

“เชื่อว่าปี 2567 จะเป็นปีที่ดีของธุรกิจโออาร์ในประเทศ เพราะว่ายอดขายน้ำมันยังเติบโตตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศ ซึ่งตามปกติแล้วยอดขายน้ำมันจะเติบโตสูงกว่าจีดีพีประมาณ 1% ซึ่งปี 2566 มีการประมาณการว่าจีดีพีจะเติบโตประมาณ 2.8-2.9% ทำให้ยอดขายน้ำมันปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 4% ตามทิศทางจีดีพี”

นอกจากนี้ โออาร์ยังได้เตรียมพร้อมเก็บสำรองน้ำมันตามมาตรฐานยุโรป ระดับ 5 (ยูโร 5) ที่ภาครัฐกำหนดนโยบายให้น้ำมันที่จำหน่ายในประเทศไทยต้องขยับจากมาตรฐานยูโร 4 เป็นยูโร 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป

ซึ่งจะทำให้เนื้อน้ำมันที่จำหน่ายมีปริมาณกำมะถันลดลงมาใกล้เคียงมาตรฐานยุโรป จาก 50 ppm เหลือ 10 ppm และโรงกลั่นในกลุ่ม ปตท. ก็ถือว่ามีสัดส่วนกำลังการผลิตน้ำมันในปริมาณมากของประเทศที่จะได้มีส่วนร่วมดูแลลดปัญหามลพิษลง

นายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ กล่าวว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากกัมพูชายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โออาร์จึงได้วางกลยุทธ์ให้กัมพูชาเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 รองจากประเทศไทย

โดยดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility ได้แก่ การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการพีทีที สเตชั่น คลังเก็บผลิตภัณฑ์ และธุรกิจหล่อลื่น PTT Lubricants อีกทั้งยังหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจพลังงานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Battery Swapping และสถานีชาร์จไฟฟ้า EV station PluZ และกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ มีการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ร้านคาเฟ่ อเมซอน ร้านสะดวกซื้อ และร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry