กกพ.ลดค่าไฟ 50 สตางค์ ผู้ใช้ไฟทั่วไปจ่ายแค่ 4.18 บาท/หน่วย

ค่าไฟ ลดค่าไฟ

กกพ. เคาะค่าเอฟทีงวด 1 (ม.ค.-เม.ย.) ปี 2567 ที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ลดค่าไฟลง 50 สตางค์ ผู้ใช้ไฟทั่วไปจ่าย 4.18 บาทต่อหน่วย จากเดิมที่ 4.68 บาทต่อหน่วย ตามมติ ครม.

วันที่ 10 มกราคม 2567 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.มีมติเห็นชอบเอฟทีขายปลีกเรียกเก็บสำหรับงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 จำนวน 39.72 สตางค์ต่อหน่วยตามสูตรการคำนวณเอฟที

หลังจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับปรุงโครงสร้างราคาก๊าซเข้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติและเพิ่มเติมมาตรการลดค่าไฟฟ้าของกระทรวงพลังงาน จากการคำนวณเอฟทีปกติในรอบ ม.ค.-เม.ย. 67 ส่งผลให้เอฟทีใหม่ในรอบดังกล่าวลดลงจาก 89.55 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วยตามมติ ครม. ทั้งยังคำนึงถึงต้นทุนการผลิต LPG อย่างเหมาะสมตามมติ กพช.

คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)

ปลดล็อกเงื่อนไขลดค่าไฟ ปรับสูตรคำนวณใหม่

ทั้งนี้ ได้ปรับปรุงการคำนวณดังกล่าวตามมาตรการลดค่าไฟฟ้าของกระทรวงพลังงาน ที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบในการประชุมครั้งที่ 3/2566 (ครั้งที่ 166) เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 และตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 โดยมีรายละเอียดการปรับปรุงการคำนวณ ดังนี้

1) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 กกพ. มติเห็นชอบเอฟทีขายปลีกเรียกเก็บในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย โดยใช้โครงสร้างการคิดราคา Pool Gas แบบเดิมตามหลักเกณฑ์ปัจจุบัน

2) ปรับปรุงตามมาตรการที่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระเงินคงค้างสะสมสำหรับงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 จำนวน 15,963 ล้านบาท แทนประชาชนไปพลางก่อน ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 25.37 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.43 บาทต่อหน่วย

3) ปรับปรุงราคาประมาณการ Spot LNG จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 16.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เป็น 14.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ทำให้ราคา Pool Gas ลดลงจากเดิม 387 บาทต่อล้านบีทียู เหลือ 365 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้สามารถลดค่าเอฟทีลงได้ 9.98 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.34 บาทต่อหน่วย

4) ปรับปรุงตามมาตรการปรับราคาก๊าซธรรมชาติเข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นราคา Pool Gas ซึ่งเป็นราคารวมก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่น ๆ  ด้วย ยกเว้นก๊าซธรรมชาติที่นำไปใช้ในการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงให้ใช้ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับราคาก๊าซธรรมชาติอ่าวไทย (Gulf Gas) ทำให้ราคา Pool Gas ลดลงจาก 365 บาทต่อล้านบีทียู เหลือ 343 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 10.01 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.23 บาทต่อหน่วย

5) เรียกเก็บ Shortfall กรณีที่ผู้ผลิตก๊าซในอ่าวไทยไม่สามารถส่งมอบก๊าซได้ตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในช่วงปี 2563-2565 จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยให้ส่งผ่านเงิน Shortfall จำนวน 4,300 ล้านบาท ซึ่งนำมาลดค่าก๊าซในรอบเอฟทีงวด ม.ค.-เม.ย. 67 ทำให้ราคา Pool Gas ลดลงจาก 343 บาทต่อล้านบีทียู เหลือ 333 บาทต่อล้านบีทียู ส่งผลให้ค่าเอฟทีลดลงได้ 4.47 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 4.18 บาทต่อหน่วย

ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย จ่าย 3.99 บาท

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ตรึงอัตราค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มดังกล่าวที่อัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย โดยใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบฯกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจากคณะรัฐมนตรี วงเงินรวม 1,950 ล้านบาท

จับตาค่าไฟงวดต่อไป

ถึงแม้ว่าราคาค่าไฟฟ้าในรอบเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 จะปรับลดลงตามแนวทางการคำนวณค่าเอฟทีใหม่ตามมติ กพช. และ ครม. แต่อย่างไรก็ตาม นายคมกฤชกล่าวว่า ต้นทุนค่าไฟฟ้าในระยะต่อ ๆ ไปจะขึ้นกับราคาและปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลัก

ดังนั้น สำนักงาน กกพ.ยังคงต้องติดตามความสามารถของการส่งก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย และการส่งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการจัดหา LNG เพิ่มเติมสอดคล้องกับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดโลก

ทั้งนี้ ราคาค่าไฟฟ้าคงต้องคำนึงถึงภาระเอฟทีคงค้างที่ต้องส่งคืน กฟผ. และ ปตท. ในระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป จึงอยากให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการนำเข้า LNG และลดความผันผวนของราคาพลังงาน