สินนท์ ทุ่ม 700 ล้านเหรียญ มุ่งสู่พลังงานสะอาด จ่อลงทุนเหมืองทองในอินโดนีเซีย

สินนท์ ว่องกุศลกิจ

“สินนท์ ว่องกุศลกิจ” CEO ใหม่บ้านปู วางเม็ดเงินลงทุน 700 ล้านเหรียญสหรัฐทุ่มขยายลงทุนในประเทศหลักทั้ง อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐ และจีน ศึกษาเตรียมลงทุนเหมืองทอง ทองแดง ขยายสู่ธุรกิจใหม่พ่วงแบตเตอรี่เพิ่ม

วันที่ 1 มีนาคม 2567 นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ซึ่งจะมีผลในวันที่ 2 เมษายน 2567 นี้ กล่าวแผนการดำเนินงานในปี 2567 ว่า

สำหรับปีนี้จะยังคงสานต่อกลยุทธ์ Greener & Smarter ที่มุ่งไปสู่พลังงานยั่งยืน การสร้างกระแสเงินสด และการลดต้นทุน โดยเฉพาะการเติบโตทางด้านพลังงานในประเทศที่บ้านปูได้ลงทุนอยู่ อย่างอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐ และจีน โดยวางเม็ดเงินลงทุนไว้ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ซึ่งสิางที่จะได้เห็นใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ในสัดส่วนที่ 50% และลงทุนในพลังงานสะอาดอีก 50 % เช่น ธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน อย่างแบตเตอรี่ฟาร์ม ซึ่งเป็นการนำเอาแบตเตอรี่ตั้งในพื้นที่ใกล้กลับแหล่งพลังงาน (โซล่าร์ฟาร์ม) เพื่อนำไฟที่ได้มาเก็บไว้ ปัจจุบันลงทุนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งเดียวและแห่งแรก ขนาด 58 เมกกะวัตต์

นอกจากนี้ เตรียมขยายการลงทุนในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจเหมืองแร่ทองคำ และทองแดง ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศลาว ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการลงทุน หากสามารถทำได้จะเป็นธุรกิจใหม่ของบ้านปู เพื่อกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจถ่านหิน คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการใช้พลังงานแอมโมเนียและไฮโดรเจนมาเป็นพลังงานสะอาดในโรงไฟฟ้า คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2567 นี้

“ข้อได้เปรียบของบ้านปูคือเราอยู่ใน Up Stream และ Down Stream คือต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทำให้เรามองภาพของ Energy Outlook ได้ไกลมากขึ้น และวางแผนได้แม่นยำมากขึ้น เราเห็นเทีนด์ว่าทั่วโลกยังต้องการและมุ่งไปสู่พลังงานสะอาด แต่ด้วยเราก็มรธุรกิจเหมืองถ่านหิน

ดังนั้นเราก็ต้องบาลานซ์กันระหว่างพลังงานหมุนเวียนกับพลังงานถ่านหินให้มันไปด้วยกัน หรืออย่างธุรกิจแบตเตอรี่ เรามีเกือบครบหมดแล้วมีกลางน้ำปลายน้ำขาดต้นน้ำ เราก็กำลังศึกษาอยู่เพื่อจะให้มีวัตถุดิบมาป้อนทำแบตเตอรี่ได้”

ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน มีการเติบโตต่อเนื่องของโซลูชันพลังงานฉลาดแบบครบวงจร ผ่านการขยายฐานลูกค้าและการลงทุนสู่พันธมิตรใหม่ ๆ ในธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage System Solutions: BESS) เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจแบตเตอรี่ที่แข็งแกร่ง อาทิ การลงทุนในโครงการฟาร์มแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ กำลังกักเก็บพลังงานไฟฟ้า 58 เมกะวัตต์ ที่เมืองโตโนะ (Tono) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ในประเทศญี่ปุ่น

และการลงทุนในบริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยานยนต์ 2 ล้อ และ 3 ล้อ รวมไปถึงระบบกักเก็บพลังงาน การรีไซเคิลแบตเตอรี่ และบริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในจังหวัดชลบุรี กำลังผลิตราว 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายมีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจพลังงานสะอาดให้มีสัดส่วนมากกว่า 50% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันอยู่ที่ 30-40%

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการปี 2566 บ้านปูมีรายได้จากการขายรวม จำนวน 5,159 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่า 179,619 ล้าน บาท) ลดลง 33% มีกำไรสุทธิ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,343 ล้านบาท) EBITDA รวม 1,562 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 54,361 ล้านบาท) ซึ่งมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ คือธุรกิจแหล่งพลังงาน เหมือง ก๊าซ ธุรกิจผลิตพลังงาน ไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน แบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน อี-โมบิลิตี้ รวมถึงเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน