SCGC มั่นใจเหตุเลื่อนเดินเครื่องโรงงานปิโตรเคมีในเวียดนาม ไป Q3 ไม่กระทบเป้าหมายปี 67 โต 20%
วันที่ 25 เมษายน 2567 นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า โครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP เวียดนาม ก็อยู่ในช่วงการประเมินและตรวจสอบเครื่องจักรอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งหลังจากที่ทดสอบเดินเครื่องไปในไตรมาส 1 และพบปัญหาการทำงานเครื่องจักรบางตัว ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยและความพร้อมในการทำงาน จึงเลื่อนการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์จากเดิมที่จะเริ่มในไตรมาส 1 เลื่อนมาเป็นไตรมาส 3 แทน
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- กดเงินไม่ใช้บัตร ATM พุ่ง 3 เท่า แห่เปิดใช้ข้ามแบงก์-เพิ่มค่าฟี
- ปิดโรงงานยอดเพิ่มเท่าตัว จับตาธุรกิจรถมือสองเสี่ยง
“มั่นใจว่า ไม่กระทบเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขาย 20% ที่ประกาศไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะในช่วงไตรมาส 3-4 ยังมีโอกาสเติบโตและทำกำไรอีกมาก โดยเราจะอาศัยการบริหารงานที่รอบคอบและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสถานการณ์ตลาดปิโตรเคมีในช่วงไตรมาส 1 เองก็มีความท้าทายอย่างมาก ถึงแม้ปริมาณการบริโภคจะเพิ่มขึ้น ทว่ากำลังผลิตทั่วโลกเองก็เพิ่มเช่นเดียวกัน ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมค่อนข้างสูง”
ส่วนผลประกอบการของธุรกิจเคมีคอลส์ หรือ SCGC ไตรมาส 1 ปี 2567 สามารถสร้างรายได้จากการขาย 45,376 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อนและลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายลดลงตามอุปสงค์ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ยังอ่อนตัวจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงการหยุดโณงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) เพื่อซ่อมบำรุง
แม้จะได้อานิงค์จากอุปทานในตลาดที่ลดลง ส่งผลให้ราคาปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโอเลฟินส์ จนทำให้มี EBITDA อยู่ที่ 1,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 575 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน แต่อย่างไรก็ตามไตรมาส 1 ก็ยังขาดทุนเท่ากับ 1,866 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไร 1,356 ล้านบาท โดยกำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่ลดลง และรับรู้ค่าเสื่อมราคาของโรงงานปิโตรเคมี LSP
แต่อย่างไรก็ตามยังต้องจับตามองปัจจัยภายนอก อาทิ ความผันผวนของราคาพลังงานโลกเนื่องจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่มีความคุกรุ่นอยู่ เพราะพลังงานถือเป็นอีกหนึ่งต้นทุนที่สำคัญ รวมถึงต้องจับตาดูการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก เนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีสัมพันธ์กับการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 2 ก็มีทิศทางบวก เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน แต่อย่างไรก็ต้องจับดูสัญญาณทางการเมืองระหว่าง 2 ขั้นอำนาจอย่างสหรัฐฯ กับจีนว่าจะมีทิศทางอย่างไร