SCGC บุกตลาดอีวี ผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเทียม “Acetylene Black” รองรับรถอีวี 16 ล้านคัน

SCGC

SCGC บุกตลาดอีวี ผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเทียม “Acetylene Black” รองรับรถอีวี 16 ล้านคัน กำลังผลิตกว่า 11,000 ตันต่อปี คาดเริ่มเดินเครื่องโรงงานปี’69 ด้านโครงการลองเซินเตรียมเดินเครื่องไตรมาส 1 ปี’67 หนุนธุรกิจครึ่งปีหลังฟื้น

วันที่ 25 มกราคม 2567 นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยนวัตกรรมพลาสติกสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น้ำหนักเบา เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน

โดยอาศัยความร่วมมือกับ Denka ในการผลิตและจำหน่ายอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับนำไฟฟ้าในการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2569 ที่กำลังการผลิตประมาณ 11,000 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 16 ล้านคัน

นอกจากนี้ยังมีโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals หรือ LSP) ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรที่เวียดนาม ได้ดำเนินการก่อสร้างลุล่วงตามแผนภายใต้งบประมาณที่กำหนดไว้ การเดินเครื่องจักรและทดสอบประสิทธิภาพการเดินโรงงานทั้งระบบเป็นไปได้ด้วยดี คาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพ 100% ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567

อีกทั้งมีนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลกอย่าง “SCGC GREEN POLYMERTM” ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการ transform ธุรกิจสู่ความเป็นสีเขียวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขาย Green polymer ในปี 2573 อยู่ที่ 1 ล้านตัน ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านก็มียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ อยู่ที่ 218,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 56 จากปีก่อน

นายธนวงษ์กล่าวว่า ตลาดปิโตรเคมีคาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นและอุปทานที่ลดลง โดยธุรกิจเร่งพัฒนาพลาสติกรักษ์โลก รวมทั้งสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High-Value Added Products & Services-HVA) ให้มีสัดส่วนสูงขึ้น

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดมีความต้องการมากขึ้น ส่งผลให้มียอดขายร้อยละ 39 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งจะช่วยหนุนความสามารถการแข่งขันในภาวะตลาดฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี

“ส่วนเรื่องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ (Initial Public Offering หรือ IPO) สำหรับธุรกิจเคมิคอลในปีนี้ แม้จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4 แต่ก็ยังไม่ได้ฟื้นเท่าที่ควร การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯต้องอาศัยทั้งความพร้อมและช่วงเวลาที่เหมาะสม ทำให้ระยะเวลา 1-2 ปีนี้อาจจะยังไม่ใช่เวลาของธุรกิจเคมิคอล แต่เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเข้าตลาดในอนาคต เราต้องมุ่งหน้าพัฒนาและผลักดันธุรกิจไปสู่ Green polymer ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ให้ได้มากที่สุด”