
กรมการค้าต่างประเทศเผยสถิติส่งออกข้าวครึ่งปี 2567 มีปริมาณ 5.08 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 25.12% พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกข้าวปี 2567 ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเป็น 8.2 ล้านตัน แต่ต้องจับตามาตรการส่งออกข้าวของอินเดียหลังเลือกตั้งใหม่ พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกข้าวไทยครึ่งปีหลังต่อเนื่อง
วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพร้อมร่วมมือผู้ส่งออกข้าวไทย ผลักดันการส่งออกข้าวไทยในปีนี้ให้ได้ 8.2 ล้านตัน หรือมีมูลค่า 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อตัน (162,360 ล้านบาท) ตามนโยบายหลัก “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ”

โดยในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้มีแผนจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกข้าวไทยเต็มที่ เช่น การจัดงาน Thai Rice Networking Forum 2024 กระชับความสัมพันธ์กับเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้าข้าว การจัดงาน Thailand Rice Convention (TRC) สัญจร กระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าข้าวสำคัญ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าครึ่งปีหลังหากทำการตลาดข้าวดี เชื่อว่ามีโอกาสที่ไทยจะสามารถส่งออกได้มากกว่า 8.2 ล้านตัน รวมไปถึงกรมได้ทำหนังสือเจรจาขายข้าวแบบจีทูจีกับอินโดนีเซีย เป้าหมาย 1-2 แสนตัน อีกทั้งต้องจับตาคู่แข่งและปัจจัยกระทบ อย่างเวียดนาม ปากีสถาน ที่จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น มีผลต่อราคาข้าวในตลาด รวมไปถึงอินเดียมีโอกาสที่จะผ่อนคลายมาตรการปัจจุบันและกลับมาส่งออกข้าว และปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยธรรมชาติที่กระทบ
นอกจากนี้ กรมได้ประชุมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อหารือแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ประเทศผู้นำเข้าสำคัญอย่างฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียยังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวจากเอกชนผู้ส่งออกข้าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและภัยแล้ง โดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้มีคำสั่งปรับลดอัตราภาษีนำเข้าข้าวจากเดิมร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 15 จนถึงปี 2571 เพื่อควบคุมแรงกดดันเงินเฟ้อของสินค้าข้าวภายในประเทศ
และคาดว่าในปีนี้ฟิลิปปินส์มีแนวโน้มนำเข้าข้าวสูงถึง 4.70 ล้านตัน ขณะที่อินโดนีเซียมีแนวโน้มนำเข้าข้าวประมาณ 3.60-4.30 ล้านตัน ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิต จึงเป็นโอกาสในการส่งออกข้าวของประเทศผู้ส่งออก นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากปริมาณผลผลิตข้าวนาปีของไทยที่จะออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำสำหรับเพาะปลูกเพิ่มขึ้นจากภาวะเอลนีโญคลี่คลายลง ส่งผลให้ราคาข้าวไทยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงและแข่งขันได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามมาตรการการส่งออกข้าวของอินเดีย ซึ่งรัฐบาลอินเดียอาจผ่อนคลายมาตรการควบคุมการส่งออกข้าวก่อนผลผลิตข้าวฤดูกาลผลิตหลักจะออกสู่ตลาดในเดือนตุลาคม 2567
อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตข้าวของประเทศผู้ส่งออกข้าว ได้แก่ เวียดนาม ปากีสถาน เมียนมา และกัมพูชา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผลผลิตข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้นและมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงจากความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน และสถานการณ์ความผันผวนของค่าระวางเรือที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยท้าทายที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
การส่งออกข้าวไทยในปีนี้อยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งกรมจะเดินหน้าส่งเสริมตลาดเพื่อกระตุ้นให้ข้าวไทยอยู่ในกระแสและเป็นที่จดจำ เพื่อให้ผู้นำเข้านึกถึงการนำเข้าข้าวจากไทยเป็นลำดับต้น
ข้อมูลการส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 (เดือนมกราคม-มิถุนายน) ว่ามีปริมาณ 5.08 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25.12 และมีมูลค่า 117,836 ล้านบาท (ประมาณ 3,304 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 55.50 เป็นผลมาจากผู้นำเข้าข้าวมีความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อใช้บริโภคและเก็บเป็นสต๊อกเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ประกอบกับอินเดียยังคงใช้มาตรการควบคุมการส่งออกข้าว และค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ประมาณ 36-37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้