สทนช.ประกาศ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำบริเวณลุ่มน้ำโขง 17-22 ก.ย.

สทนช.ประกาศ ฉบับที่ 15/2567 เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำบริเวณลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือวันที่ 17-22 ก.ย. 2567

วันที่ 17 กันยายน 2567 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 15/2567 เรื่อง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำบริเวณลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือวันที่ 16 กันยายน 2567

สาระสำคัญระบุว่า สทนช.ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่าร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนัก และมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ และจาการประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ดังนี้

1. สถานการณ์แม่น้ำโขง เนื่องจากขณะนี้มวลน้ำหลากในแม่น้ำโขงได้ไหลผ่านจังหวัดเลย หนองคาย และบึงกาฬ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดหนองคายสูงสุด 21,187 ลูกบาศก์เมตร/วินาที สูงกว่าตลิ่ง 1.62 เมตร และจะเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดบึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5-1.0 เมตร ในช่วงวันที่ 18-21 กันยายน 2567 โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม ระดับน้ำมีแนวโน้มล้นตลิ่ง 0.3-0.5 เมตร ในวันที่ 18 กันยายน 2567

2. สถานการณ์น้ำห้วยหลวง บริเวณสถานีบ้านโนนตูม (Kh.103) อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ระดับน้ำ ณ วันที่ 16 กันยายน 2567 สูงกว่าตลิ่ง 0.21 เมตร จากการคาดการณ์แนวโน้ม พบว่าในวันที่ 17 กันยายน 2567 ระดับน้ำห้วยหลวงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงสุด เนื่องจากแม่น้ำโขงมีระดับน้ำสูงกว่าลำน้ำสาขา จึงไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้สะดวก

ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำล้นตลิ่งต่ำ และไหลหลากเข้าท่วมชุมชนที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ จึงขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมขัง บริเวณพื้นที่ด้านท้ายน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง ได้แก่อำเภอกุดจับ เมืองอุดรธานี และสร้างค่อม จังหวัดอุดรธานี อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ในช่วงวันที่ 17-22 กันยายน 2567

Advertisment

ในการนี้ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรดดำเนินการ ดังนี้

1. ขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้น และเตรียมรับมือจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและท่วมขังบริเวณริมแม่น้ำโขง และริมลำน้ำบางสาขาของประเทศไทยที่ไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้โดยสะดวก

2. วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปรับแผนการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และระบบชลประทาน เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรให้พร้อมใช้งาน เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชน

Advertisment

3. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่บริเวณที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์