
“พิชัย” รมว.พาณิชย์ เผยหลังประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ. 2489 ไฟเขียวปรับลดการเก็บสต๊อกข้าวตามกฎหมาย คาดบังคับใช้สิ้นเดือน ม.ค.นี้ มั่นใจเพิ่มโอกาสรายย่อยส่งออกข้าวและทลายทุนผูกขาดลงได้
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ. 2489 ครั้งที่ 1/2568 ว่า ได้มีมติปรับปรุงเงื่อนไขการเก็บสต๊อกข้าวตามกฎหมายของผู้ประกอบการใหม่ โดยหากเป็นกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ กรณีเป็นผู้ส่งออกทั่วไป และผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ ให้ยกเว้นการเก็บสต๊อก และกรณีเป็นผู้ส่งออกทั่วไป หากมีทุนจดทะเบียน 5-10 ล้านบาท เก็บสต๊อก 100 ตัน ทุน 10-20 ล้าน เก็บสต๊อก 500 ตัน และทุนมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป เก็บสต๊อก 1,000 ตัน เพราะเป็นรายใหญ่ โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นเดือน ม.ค. 2568 นี้
ส่วนค่าธรรมเนียมได้ปรับปรุงใหม่ โดยกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ กรณีเป็นผู้ส่งออกทั่วไป และผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุหีบห่อ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม กรณีผู้ประกอบการที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไป ทุน 5-10 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียม 1 หมื่นบาท ทุน 10-20 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียม 3 หมื่นบาท และทุน 20 ล้านบาทขึ้นไป เสียค่าธรรมเนียม 5 หมื่นบาท และผู้ประกอบการที่เป็นผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อเสียค่าธรรมเนียม 1 หมื่นบาท โดยเรื่องค่าธรรมเนียมต้องหารือกับกระทรวงมหาดไทยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา คาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือน มี.ค. 2568
สำหรับการปรับปรุงกฎระเบียบนี้ กรมการค้าภายในได้เปิดรับฟังความเห็นของผู้ประกอบการค้าข้าว ทั้งผู้ส่งออก โรงสี ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก ภาคเกษตรกร และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นประโยชน์ จะช่วยลดต้นทุน และเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถส่งออกข้าวได้
ทั้งนี้ ในส่วนของการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าว กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินการปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียน จากเดิมใช้เวลาถึง 3 วัน เหลือเพียง 30 นาที โดยสามารถดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก และลดต้นทุนการส่งออกข้าวให้กับเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ และ SMEs สามารถส่งออกข้าวได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“การปรับเงื่อนไขการส่งออกข้าว ทั้งเรื่องการเก็บสต๊อก การลดค่าธรรมเนียม และการลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว เป็นไปตามนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการปลดล็อก ปรับลดเงื่อนไขการส่งออกข้าว และทลายทุนผูกขาด เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถส่งออกข้าวได้มากขึ้น และมั่นใจว่าในอนาคตจะมีผู้ส่งออกรายใหม่ ๆ เข้ามาส่งออกข้าว และทำให้ยอดส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น” นายพิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการต่อในระยะที่ 2 และ 3 เพื่อเป้าหมายการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถผลิตและแข่งขันกับต่างประเทศได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เกิดการค้าข้าวเสรี โดยมีเป้าหมายยกเลิกสต๊อกและค่าธรรมเนียมทั้งหมด และจะเพิ่มความสะดวกในการจดทะเบียนผู้ส่งออกข้าวและผู้ประกอบการค้าข้าวได้ในครั้งเดียว โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าภายใน และกรมการค้าต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเป็นผู้ส่งออกข้าว