ผู้นำเข้ามะกันชะลอรับมอบสินค้าไทย แถมออร์เดอร์ใหม่ไม่มี-กระทบส่งออก 2 เดือน

export
พจน์ อร่ามวัฒนานนท์

ประธานหอการค้าเผยพิษทรัมป์ทำส่งออกหยุดชะงักทันที ลูกค้าชะลอรับมอบ แถมออร์เดอร์ใหม่ก็ไม่เกิด รอเจรจาก่อนว่า ภาระภาษีโหดใครจะเป็นคนรับ จับตาตัวเลขส่งออก เม.ย.-พ.ค. ข้าวไทยยังมั่นใจขายได้อยู่ ชี้ภาษีทำราคาขึ้นไม่มาก แค่ 2-2.5 ดอลล์ต่อ กก. กลุ่มอัญมณีช็อกโดนหนักเกินคาด คำสั่งซื้อหยุดทันที คาดทั้งปีส่งออกหด 20-30% ขณะที่กลุ่มอาหารรอความหวังรัฐบาลเร่งเจรจาต่อรอง

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากกรณีที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าไทย 36% ว่า จากการติดตามสอบถามในกลุ่มผู้ส่งออกไทย ส่วนใหญ่มีความกังวลมาก โดยเฉพาะสินค้าที่มีการซื้อ-ขายล่วงหน้าและมีการตกลงราคาแล้ว จะยังสามารถส่งมอบได้หรือไม่ หรือจะมีการผลักภาระภาษีไปที่ราคาสินค้า ก็เกรงว่าจะมีผลต่อกำลังซื้อและคำสั่งซื้อจากสหรัฐในอนาคต

“ขณะนี้การขึ้นภาษียังไม่มีความชัดเจน โดยหลังจากภาษีมีผลบังคับใช้วันที่ 9 เมษายน 2568 จำเป็นจะต้องมีการติดตามรายละเอียดและขั้นตอนการปรับขึ้นภาษี ว่าจะเหมือนกับการขึ้นภาษีพื้นฐาน 10% กับทุกประเทศเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 หรือไม่ เพราะในเงื่อนไขระบุว่าสินค้าดังกล่าวจะต้องส่งมอบ หรือถึงสหรัฐก่อนวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ถ้าหลังจากนั้นสินค้าจะถูกเก็บภาษีเพิ่ม 10% ดังนั้นขณะนี้ผู้นำเข้าก็ยังไม่มั่นใจ ทำให้ต้องชะลอการส่งมอบสินค้า จำเป็นต้องเจรจาต่อรองกันอีก ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ก็ไม่เกิดขึ้น เพราะทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าอัตราภาษีที่ปรับขึ้นจะเป็นภาระของใคร ดังนั้นการส่งออกช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมนี้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”

นายพจน์กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการของภาครัฐ 5 แนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาทรัมป์ 2.0 นั้น ทางเอกชนเห็นด้วย เป็นแนวทางที่เอกชนได้เข้าไปพูดคุยหารือกับภาครัฐตั้งแต่ต้นปี 2568 รวมถึงข้อเสนอต่าง ๆ โดยสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องเข้าไปดูโดยเฉพาะมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เช่น มาตรการด้านสุขอนามัยในสินค้าเกษตร มาตรการทางกฎหมายที่ยังเป็นอุปสรรค เป็นสิ่งที่ภาครัฐจำเป็นจะต้องแก้ไข รวมไปถึงการสวมสิทธิใช้ไทยเป็นแหล่งส่งออก หรือการใช้ถิ่นกำเนิดไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐ เรื่องนี้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีการดูแลและเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะใน 49 หมวดสินค้าสำคัญ

“ถามว่าจากมาตรการ ทรัมป์ 2.0 เราเสียหายหรือยัง บอกว่าตอนนี้ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน แต่สิ่งที่ชัดคือเราเสียโอกาสที่จะส่งมอบสินค้า สต๊อกสินค้าที่ผลิตจะมีโอกาสส่งออกไหม คำสั่งซื้อใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อไร”

ข้าวไทยยันภาษีทำราคาขึ้นจิ๊บจ๊อย

นายวันนิวัติ กิตติเรียงลาภ รองเลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดสหรัฐเป็นตลาดหลักของการส่งออกข้าวหอมมะลิของไทย ปัจจุบันการส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐเฉลี่ยปีละ 5-6 แสนตัน ภาษีเป็น 0% โดยปี 2567 ที่ผ่านมา ส่งออกข้าวไปสหรัฐอยู่ที่ 7-8 แสนตัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีปริมาณสูงที่สุด แต่อย่างไรก็ดี ในปี 2568 แม้สหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้าไทย ยังคงเชื่อว่าปริมาณการส่งออกข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ 5 แสนตัน

ADVERTISMENT

“สหรัฐประกาศขึ้นภาษีครั้งนี้ มองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในระยะสั้น 1-2 เดือนจากนี้ เนื่องจากว่าผู้นำเข้ายังรอประเมินสถานการณ์ แต่เชื่อว่าข้าวไทยยังสามารถส่งออกไปได้ และเรายังเสียภาษีนำเข้าน้อยกว่าเวียดนาม”

อย่างไรก็ดี ภาษีที่สหรัฐเรียกเก็บนั้นอาจจะมีผลต่อราคาข้าวขายปลีกในสหรัฐปรับขึ้นราว 1,200 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือประมาณ 2-2.50 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม ซึ่งยังมั่นใจว่าผู้บริโภคข้าวไทยในสหรัฐยังคงนิยมข้าวหอมมะลิไทยอยู่ และผู้บริโภคสหรัฐเองอาจจะมีความรู้สึกว่าการขึ้นราคาข้าวหอมในราคาไม่สูงมาก เพราะผู้บริโภคที่มีรายได้ก็ยังมีความต้องการข้าวคุณภาพอยู่ สิ่งที่จะกระทบอาจจะมีผลในเรื่องของการเติบโตที่อาจจะชะลอตัวลงบ้าง

ADVERTISMENT

แต่ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ส่งออกกังวลคงจะเป็นเรื่องของการชะลอและการพิจารณานำเข้าข้าว แต่เป็นเรื่องความไม่มั่นใจกับนโยบายการขึ้นภาษีทรัมป์ 2.0 มากกว่า เพราะจากความเห็นส่วนตัว มองว่าทุกอย่างอาจจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลง โดยที่ผ่านมาข้าวไทยในสหรัฐมีการปรับราคาขึ้นจากปัญหาการขนส่งการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลต่อราคาข้าว แต่ก็ยังผ่านมาได้

อัญมณีคาดส่งออกระยะสั้นวูบ 50%

นายวิบูลย์ หงษ์ศรีจินดา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ส.อ.ท. เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย คาดว่าจะมีอัตราภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิม 5.77% เป็น 42% โดยขณะนี้ทำให้ผู้นำเข้ามีการชะลอการนำเข้าในทันที เพราะคาดว่าการส่งมอบน่าจะไม่ทันก่อนที่จะขึ้นภาษี ส่วนคำสั่งซื้อใหม่นั้นยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ ยอมรับว่ามีผลกระทบมากในกลุ่มลูกค้า

“ยอมรับว่าตกใจ และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย และลูกค้ามาก เพราะเดิมมีการประเมินว่า สหรัฐน่าจะขึ้นภาษีในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับเพียง 10% และค่อยไต่ระดับในการปรับภาษีนำเข้า และจากการติดตามเครื่องประดับเงิน น่าจะมีผลกระทบหนักเพราะส่วนใหญ่ส่งไปยังสหรัฐ นอกจากนี้ยังเจอในเรื่องของวัตถุดิบที่มีการปรับเพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ดี มองว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย ช่วงแรกอาจจะส่งออกหดตัวถึง 50% แต่ทั้งปีคาดว่าส่งออกจะหดตัว 20-30% แต่สำหรับมูลค่ายังมองว่าขยายตัวและเติบโตไปได้ โดยทั้งปียังคงเชื่อว่ามูลค่าส่งออกอยู่ที่ 600,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ทางกลุ่มจะมีการสรุปข้อมูลและข้อเสนอไปยัง ส.อ.ท. เพื่อติดตามและประเมินผล อีกทั้งยังมองว่าภาครัฐอาจจะต้องเร่งการทำตลาดทำการค้าให้มากขึ้น รวมไปถึงการหาตลาดใหม่พร้อมกับเสริมอำนาจการต่อรองเพื่อการแข่งขันในตลาด

ลูกค้ากลุ่มอาหารชะลอรับสินค้า

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกรรมการ บริษัท มหาบูรพาผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ในฐานะนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คาดว่าจะส่งผลทำให้เกิดการชะลอการส่งมอบสินค้าที่สั่งไว้แล้ว เนื่องจากผู้นำเข้าปลายทางไม่อยากเสียภาษีเต็มรูปแบบที่ประกาศ ทั้งฝ่ายไทยเองคงต้องขอให้รอดูสถานการณ์ เนื่องจากรัฐบาลไทยได้แสดงความจำนงเจรจาต่อรองแล้ว ซึ่งรอการตอบรับจากสหรัฐ โดยคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะอยู่ในช่วง 1 ไตรมาส หรือประมาณ 3 เดือน