
KResearch วิเคราะห์ ราคาเนื้อหมูช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี หมูเนื้อแดงปรับขึ้นมากถึง 15% คาดกระทบ 4 ผู้เล่นหลักในตลาด พร้อมมองราคาหมูช่วงที่เหลือยังปรับขึ้น จากราคาหมูหน้าฟาร์มที่เพิ่มขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยข้อมูลระบุว่า ราคาหมูในเดือนเมษายน 2568 ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี และมองว่าราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้น จะกระทบต่อผู้เล่นหลัก ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการเขียงหมู ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อหมูแปรรูป จนถึงร้านอาหาร/ผู้บริโภค
โดยราคาหมูหน้าฟาร์ม หมูเนื้อแดงและหมูสามชั้น ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
- หมูหน้าฟาร์ม ราคา 75 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 14.1% จากราคาเมื่อปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 69 บาทต่อกิโลกรัม
- หมูเนื้อแดง ราคา 147 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 15% จากราคาปี 2567 อยู่ที่ 132 บาท
- หมูสามชั้น ราคา 203 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 7.2% จากราคาปี 2567 อยู่ที่ 193 บาท
สำหรับสถานการณ์ราคาหมูที่ปรับสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 มาจาก 4 ประเด็นหลัก คือ
- ผลผลิตหมูลดลงราว 2.2% จากอากาศร้อน โดยเฉพาะเดือนมีนาคมและเมษายน 2568
- ราคาอาหารหมูปรับขึ้น โดยรำสดเพิ่ม 2.3% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่ม 3.1%
- ความต้องการบริโภคพุ่ง ในเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์
- เกษตรกรรายย่อยบางส่วนเลิกกิจการ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุเพิ่มเติมว่า แม้ราคาหมูในช่วงที่เหลือของปี 2568 จะปรับลดลงตามผลผลิตที่เพิ่ม จากสภาพอากาศเอื้ออำนวยขึ้น แต่ราคาหมูหน้าฟาร์มทั้งปี 2568 จะยังเพิ่ม 2.6% ดันราคาหมูเนื้อแดงเพิ่ม 3.7% และหมูสามชั้นเพิ่ม 4.8%
นอกจากนี้ ราคาหมูที่สูงขึ้น ส่งผลต่อผู้เล่นหลัก 4 กลุ่ม ดังนี้
เกษตรกร
- แม้ราคาขายหมูจะเพิ่ม แต่ต้นทุนต่อการผลิตสูงเฉลี่ย 76 บาทต่อกิโลกรัม
- ภาพรวมยังขาดทุน
ผู้ประกอบการเขียงหมู
- ต้นทุนหมูมาแพง ขายยากขึ้น
- ต้นทุนอื่นยังสูง เช่น ค่าเช่าแผง ค่าน้ำ เป็นต้น
ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อหมูแปรรูป
- ต้องซื้อหมูมาแปรรูปในราคาแพงขึ้น
- ต้นทุนอื่นยังสูง เช่น ค่าแรง น้ำตาล ค่าบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
ร้านอาหาร/ผู้บริโภค
- ต้องซื้อหมูแพงขึ้น สวนทางกำลังซื้อที่โตชะลอ
- กดดันการขายในเมนูอาหารตามสั่ง เช่น กะเพราหมู หมูกระเทียม รวมถึงหมูกระทะ/ชาบู
ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ในปี 2568 อุปทานเนื้อสุกรลดลง 2.4% ตามจำนวนสุกรเลี้ยงที่ลดลง เนื่องจากมาตรการปรับลดจำนวนแม่พันธุ์สุกรและผลกระทบโรคระบาด แม้ว่าราคาอาหารสัตว์จะมีแนวโน้มลดลง เช่น ปลายข้าว กากถั่วเหลือง และปลาป่น โดยอุปทานเนื้อสุกรจะมาจากผู้ผลิตสุกรรายกลาง-ใหญ่เป็นสำคัญ ในขณะที่ผู้ผลิตสุกรรายย่อยจะลดบทบาทลง
ขณะที่อุปสงค์เนื้อสุกรปี 2568 คาดว่าลดลง 1.7% ตามราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก จะกดดันความต้องการของผู้บริโภคไทย ในขณะที่ผู้บริโภคที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่ายังเติบโตได้ ทำให้ภาพรวมการบริโภคเนื้อสุกรในประเทศลดลงไม่มากนัก