13 โรงงานการ์เมนต์ปรับไลน์หันผลิตชุดป้องกันการติดเชื้อ PPE ให้องค์การเภสัชกรรม หลังความต้องการเสื้อผ้าสำเร็จรูป-ชุดกีฬาในตลาดโลกลดฮวบ ช็อปแบรนด์ดังแห่ปิดตัว ด้านยักษ์ใหญ่ “ไฮ-เทค” ปรับโรงงานผลิตใน 4 ประเทศทำชุด PPE 5 ล้านชุดทยอยส่งออกตามมาตรฐานผู้สั่งซื้อ หวังพยุงการจ้างแรงงาน 9,000 คน รับกระแสความต้องการในตลาดพุ่งยาวไปถึงกลางปีหน้า
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสิ่งทออย่างมาก ยอดคำสั่งซื้อได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนผู้ประกอบการต้องปรับตัวด้วยการหันไปพัฒนาและผลิตชุดป้องกันตนเอง PPE (Coverall/Surgical Gown) เกรดทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาทั้งภายในและภายนอกประเทศ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเข้ามาว่า องค์การเภสัชกรรม (อภ.) มีความต้องการจัดหาชุดป้องกันตนเอง PPE (Coverall/Surgical Gown) เกรดทางการแพทย์ ด้วยการจัดซื้อจากแหล่งผลิตทั้งในและนอกประเทศ โดย ล่าสุด อภ.ได้ประชุมร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สหพันธ์อุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งประเทศไทย และผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปรายใหญ่ของประเทศจำนวน 13 บริษัท ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย GPO-COVID-19 Approved Vendor List เพื่อทำความเข้าใจเรื่องคุณภาพการตัดเย็บและทดสอบประสิทธิภาพการซักซ้ำของชุด PPE แบบเสื้อคลุมแขนยาวกันน้ำชนิดใช้ซ้ำได้ (ReusableIsolation Gown) เพื่อทดแทนชุดนำเข้าได้ถึง 800,000 ชุด
13 โรงงานเร่งผลิตชุด PPE
นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่สามารถพัฒนาชุด PPE ตามมาตรฐานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้กับองค์การเภสัชกรรมได้แล้วจำนวน 12 ราย โดยจะดำเนินการผลิตชุดลอตแรก 40,000 ชุดส่งมอบในเดือนเมษายนในมูลค่าเฉลี่ยชุดละ 450 บาท รวมประมาณ 20 ล้านบาท ชุด PPE ที่ผลิตนี้สามารถนำกลับมาซักใช้ได้อีก 30 ครั้ง หรือเฉลี่ยค่าชุดครั้งละ 15 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับชุด PPE ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
“ผลกระทบของโควิด-19 ต่ออุตสาหกรรมนี้ก็คือ ความต้องการเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มลดลง ดังนั้น ผู้ผลิตเสื้อผ้าจึงได้ปรับไลน์การผลิตด้วยการหันไปผลิตชุด PPE กับหน้ากากผ้าแทน เพื่อจำหน่ายในประเทศแทนการนำเข้า ซึ่งในอนาคตเราจะพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ส่งออกชุด PPE ตอนนี้ยังติดปัญหาคือ ฝั่งผู้นำเข้าชุด PPE ในต่างประเทศยังไม่ได้รับรองชุด PPE ตามมาตรฐาน อย.ของไทย ทำให้การส่งออกตอนนี้ยังทำได้ยาก แต่สมาคมกำลังทำเรื่องขอรับการสนับสนุนพัฒนาห้องปฏิบัติการกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯอยู่” นายยุทธนากล่าว
ทั้งนี้ โรงงานของผู้ประกอบการทั้ง 13 รายที่ทำการผลิตชุด PPE ได้แก่
- บริษัท ทองไทยการทอ ผลิตจำนวน 4,000 ชุด
- บริษัท สิ่งทอซาติน 4,000 ชุด
- บริษัท ไฮ-เทค แอพพาเรล 4,000 ชุด
- บริษัท แอพพาเรล ครีเอชั่น 4,000 ชุด
- บริษัท โอเรียนตอล การ์เมนท์ 4,000 ชุด
- บริษัท สหพัฒน์/บูติคนิวซิตี้ 4,000 ชุด
- บริษัท วีที การ์เมนท์ 4,000 ชุด
- บริษัท ไทยการ์เมนต์เอ็กซปอร์ต 4,000 ชุด
- บริษัท วีเค การ์เม้นท์ 4,000 ชุด
- บริษัท B.V.L Trading 3,000 ชุด
- บริษัท สุขบุญทิพย์ 3,000 ชุด
- บริษัท เอเซียการ์เม้นท์ 1,000 ชุด
- บริษัท รัตนาแอพพาเรียบแคร์ 1,000 ชุด
กลุ่มไฮ-เทค ปรับไลน์การผลิต
ด้านนายวสันต์ วิตนากร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮ-เทค แอพพาเรล กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ปรับไลน์การผลิตหันมาผลิตชุด PPE และหน้ากากผ้าแล้ว จากเดิมที่รับผลิตเสื้อกีฬาแบรนด์ดังจากทั่วโลก แต่ตอนนี้ความต้องการเสื้อผ้ากีฬาได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ร้านค้าปลีก ช็อป และเอาต์เลต ทั่วโลกต้องปิดตัวไปกว่า 70% โดยเฉพาะตลาดหลัก ๆ ของไทยอย่าง สหรัฐ-สหภาพยุโรป หรือแม้แต่ตลาดในเอเชีย สวนทางกับความต้องการชุด PPE ที่เพิ่มขึ้นจนแทบเรียกว่า ชุด PPE กำลังจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้ว คาดว่าแนวโน้มความต้องการชุด PPE ยังคงมีมากต่อเนื่องไปถึงปี 2564
ปัจจุบันโรงงานผลิตในเวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และในไทย ของกลุ่มไฮ-เทค ได้ปรับไลน์มาผลิตชุด PPE แล้วประมาณ 25% ของกำลังการผลิตรวมหรือราว 5 ล้านชุด โดยบริษัทได้พัฒนาชุด PPE ที่ได้มาตรฐานทั้งตามแบบของ อย.ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. และมาตรฐาน ISO เพื่อขยายตลาดส่งออกชุด PPE ไปยังตลาดสหรัฐ และบริษัทได้ประสานกับพันธมิตรเพื่อรับรองคุณภาพชุด PPE ผ่านห้องปฏิบัติการผ้า (lab) แล้ว
“มาตรฐานชุดของเราสามารถเทียบกับชุด PPE ที่นำเข้าจากต่างประเทศในแบรนด์ 3M และดูปองท์ ตอนนี้เรามีคำสั่งซื้อไปยังสหรัฐแล้ว ซึ่งมากกว่าที่รับผลิตชุด PPE ให้กับองค์การเภสัชกรรมเพียงแค่หลัก 1,000 ชุด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดว่าวัตถุดิบผ้าที่ใช้ในประเทศจะมีปริมาณเพียงพอหรือไม่” นายวสันต์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าความต้องการชุด PPE ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะเป็นเพียงระยะสั้นหรือประมาณกลางถึงปี 2564 แต่ทางโรงงานในกลุ่มไฮ-เทค ต้องการที่จะรักษากำลังการผลิตไว้ เพื่อให้สามารถจ้างแรงงานที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมประมาณ 9,000 คนต่อไปได้ หากความต้องการเสื้อผ้ากีฬาในอนาคตกลับมา “เราก็จะกลับไปผลิตชุดกีฬาอีก”