ปล่อยกู้ 10,300 ล้าน ดอกเบี้ยต่ำ ต่อลมหายใจชาวประมงพื้นบ้าน-พาณิชย์

ชาวประมงเฮ!! ครม. ไฟเขียวงบ 10,300 ล้าน หนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมงพื้นบ้านและพาณิชย์ ผ่านออมสิน-ธ.ก.ส. ล่าสุดมียอดขึ้นทะเบียนเรือ 61,000 ลำ

นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่าตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เห็นชอบโครงการ สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง กรอบวงเงิน 10,300 ล้านบาท ตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านและพาณิชย์ด้วยการจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ
ให้ชาวประมงสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้อีกครั้ง

หลังจากการปฏิรูปภาคการประมงไทยด้วยการประกาศใช้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และพระราชกำหนดการประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ส่งผลให้ผู้ประกอบการประมงรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการปรับปรุงเรือ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทำการประมง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการประมงประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินขาดเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพและบางรายอาจต้องใช้สินเชื่อนอกระบบเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มีนโยบายให้กรมประมงหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการดังกล่าว

“ตามที่ท่านอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ผลักดันโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง สำหรับช่วยบรรเทาภาระชาวประมงที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องโดยจัดหาแหล่งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในการประกอบอาชีพ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนำสำหรับใช้ปรับปรุงเรือประมง ปรับเปลี่ยนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ทำการประมง และมีเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ ทางกรมประมงจึงแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง เพื่อขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด”

ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมประมง ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 พบว่าประเทศไทยมีจำนวนเรือประมงไทย ที่มีทะเบียนเรือ รวม 61,601 ลำ ประกอบด้วย เรือประมงพื้นบ้าน จำนวน 51,209 ลำ และ เรือประมงพาณิชย์ จำนวน 10,392 ลำ ซึ่งจากการสำรวจของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยในเบื้องต้นมีผู้ประกอบการประมงต้องการสินเชื่อเป็นจำนวนมาก

ในด้านการจัดหาสินเชื่อเพื่อสนับสนุนให้แก่ผู้ประกอบการประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ ภายใต้โครงการดังกล่าวจะสนับสนุนวงเงินสินเชื่อรวม 10,300 ล้านบาทโดยธนาคารของรัฐเข้าร่วมจำนวน 2 แห่ง คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ปล่อยสินเชื่อสนับสนุนเรือประมงขนาด
ต่ำกว่า 60 ตันกรอส โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท และธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อสนับสนุนเรือประมงขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไปวงเงินสินเชื่อจำนวน 5,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 8 ปีนับจากวันที่ ครม.มีมติอนุมัติโครงการ โดยทั้งธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. จะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน
กู้เงินทุนในอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปี กล่าวคือ รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ 3%ต่อปีและ ผู้ประกอบการประมงจะต้องจ่ายสมทบอีก 4% ต่อปี เป็นระยะเวลา 7 ปีนับตั้งแต่วันที่กู้

ทั้งนี้ในส่วนสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการเรือประมงนอกน่านน้ำไทย ธนาคารออมสินได้ดำเนินโครงการสินเชื่อส่งเสริมศักยภาพเรือประมงนอกน่านไทย โดยวงเงินกู้สูงสุดไม่เกินลำละ 20 ล้านบาท สูงสุดไม่เกินรายละ 3 ลำ วงเงินโครงการ 500 ล้านบาท ซึ่งจะสิ้นสุดโครงการภายในวันที่ ‪30 ธันวาคม 2563‬


อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิรูปภาคการประมงไทยมีเป้าหมายหลักเพื่อการบริหารจัดการด้านการประมงและการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ปกป้องคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอาชีพ
การประมงทุกภาคส่วนอย่างมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากร การใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม