สมุดปกขาวหอการค้า Happy Model

ปิดฉากไปแล้วสำหรับการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 38 ด้วยการรวบรวมความคิดเห็นในการประชุมเพื่อจัดทำ “สมุดปกขาว”เสนอต่อรัฐบาลผ่านทาง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมภาคเอกชนให้สามารถปรับตัวรับวิถี new normal เพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ เปลี่ยนโลกธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังการสัมมนาว่า ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลเตรียมความพร้อมเปิดประเทศอย่างปลอดภัยหลังมีวัคซีนโควิด-19 ด้วยการ 1) กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศผ่าน Happy Model เพื่อสร้างงานกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยรวบรวม content ทั้งหมดไว้บน TAGTHAiPlatform 2) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการน้ำ การบริหารจัดการ food waste & plastic waste ตลอด value chain

3) การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ยกเลิกการรายงานตัวทุก ๆ 90 วันสำหรับนักลงทุนและแรงงานทักษะสูง สนับสนุน ationalDigitalTradingPlatform (กกร.) 4) เพิ่มขีดความสามารถเเข่งขัน ประเด็นเขตการค้าเสรี FTA Thai-UK FTA Thai-EU CPTPP สนับสนุนให้รัฐบาลใช้ e-Government และ 5) กระตุ้นจับจ่ายทางเศรษฐกิจ ขยายเวลามาตรการคนละครึ่ง ขยายเวลาเราเที่ยวด้วยกัน copayment และ soft loan

นายสุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ “วิถีใหม่ รวมไทยสร้างชาติ” ว่า ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นการระบาดใหญ่ของโควิด-19 มาได้ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาจนสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย รัฐบาลได้ผ่อนคลายจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีบางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบกว่า 40 ล้านคน

การท่องเที่ยวหายไป ธุรกิจส่งออกถดถอยตามสภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 2 ติดลบ -12% โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์อาจจะเติบโตน้อยที่สุดในอาเซียน แต่ในไตรมาส 3 ดีขึ้น และทั้งปีอาจจะต่ำกว่าติดลบ -6% หรืออาจจะต่ำกว่านั้น

“ภารกิจของรัฐบาลก็คือ ประคับประคองเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากที่ผ่านมามีการดำเนินมาตรการภาครัฐที่กระตุ้นการจับจ่ายในประเทศ อาทิ คนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เกิดการหมุนเวียนระดับฐานราก มาตรการดังกล่าวเป็นตัวอย่างให้แต่ละประเทศนำไปเป็นตัวอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่อยากให้เห็นภาพก็คือ มาตรการพักหนี้ 6 เดือน สภาพคล่อง โครงการซอฟต์โลนรวม 200,000 ล้านบาทแม้ว่าหลายฝ่ายกังวล แต่ผลลัพธ์ไม่แย่อย่างที่คิดรวมทั้ง SMEs ก็เริ่มดีขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวถือเป็นโอกาสสร้างการท่องเที่ยรูปแบบใหม่ไม่เน้นจำนวน ต้องช่วยกันจาก 50,000 บาทต่อรายเป็น 100,000 บาทต่อราย รัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศจะสามารถกลับมาเป็นบวกได้ในปีหน้า” นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

ให้ความมั่นใจ 18 เดือนฟื้น

โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจว่า โครงสร้างพื้นฐานของประเทศยังพอไปได้ และจะต้องกลับไปสู่จุดเดิมให้เร็วที่สุด หากติดลบ -9% ตามที่หลายคนเป็นห่วง 3-4 ปีจึงจะฟื้น แต่หากประคับประคองไปได้แบบนี้อย่างน้อยใน 18 เดือนจะกลับมาฟื้นได้ปกติ คาดว่าไตรมาส 1-2 ของปีหน้าจะเห็นภาพก่อนแน่นอน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องการข้อมูลจากสภาหอการค้าว่า SMEs กลุ่มใดที่พอไปได้ ขอให้หอการค้ารวบรวมนำมาเป็นประโยชน์เพื่อเสนอธนาคารพาณิชย์ โดยรัฐบาลจะเป็นสื่อกลางรับข้อเสนอและช่วยปลดล็อกเงื่อนไขต่าง ๆ ให้สามารถช่วยเหลือ SMEs ได้ โดยจะเร่งรัดติดตามระยะเวลาการจ่ายเงินและข้อตกลงที่ติดขัดไปดำเนินการ พร้อมทั้งผลักดัน “เศรษฐกิจดิจิทัล” โครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็ได้สร้างให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างดี มีร้านค้าเข้าร่วมจำนวนมาก อนาคตคาดว่า 1 ล้านร้านค้าจะเข้าสู่ระบบนี้ได้

“สิ่งหนึ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ ความเข้มแข็งของหอการค้าจังหวัด หากจะผลักดันให้เห็นภาพชัดเจน จังหวัดนั้น ๆ ควรต้องหาจุดแข็ง จุดเด่น แล้วเสนอผ่านคณะกรรมการจังหวัด ต้องชี้เป้าไอเดียให้ชัดว่า ต้องการเป็นเมืองอะไร ที่สามารถทำได้จริงและเร็ว ดังนั้นโครงการ Happy Model ถือว่าดีมาก”

สุดท้าย นายสุพัฒนพงษ์ให้ความมั่นใจว่า ไตรมาส 1-2 ปีหน้าจะเริ่มเห็นภาพการลงทุน ทั้งหมดเป็นความท้าทายที่ทุกคนต้องเผชิญในปี 2564 โดยล่าสุดจากการพูดคุยกับนักลงทุนสหรัฐและไต้หวัน แสดงความสนใจที่จะลงทุนขนาดใหญ่ ผลิตป้อนจีน

ส่วนฐานการผลิตเริ่มเห็นสัญญาณลงทุนโดยมุ่งปักฐานคือประเทศไทย เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่นักลงทุนสนใจมากในขณะนี้