อคส. MOU ชาวนารับซื้อข้าวนุ่ม ทำข้าวถุง ลอตแรกเป้าหมาย 20 ตัน

ส่งออกข้าว

อคส. ทำข้อตกลงซื้อขายข้าวพื้นนุ่มกับชาวนา เพื่อทำข้าวถุง แบรนด์ “ข้าว อคส.” ลอตแรกที่จะรับซื้อประมาณ 20 ตัน คาดว่าจะผลิตและจำหน่ายได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ว่า อคส. เอ็มโอยู ซื้อขายข้าวกับชาวนาครั้งนี้เฉพาะข้าวพื้นนุ่ม เพื่อทำตลาดข้าวถุงภายใต้ แบรนด์ “ข้าว อคส.” ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มจำหน่ายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2564 นี้ ซึ่งจะจัดทำข้าวถุงขนาด 2 กิโลกรัม และข้าวถุง 5 กิโลกรัม โดยเป้าหมายในการจำหน่ายทั้งร้านธงฟ้า ห้างโมเดิร์นเทรด

ทั้งนี้ คาดว่าการจัดทำข้าวพื้นนุ่มในการจำหน่าย ข้าว อคส. ครั้งนี้จากเดิมที่จำหน่ายข้าวถุงหอมมะลิ เชื่อว่าจะสร้างรายได้ในการขายข้าวถุงของ อคส. เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มียอดรายได้อยู่ที่ 300-400 ล้านบาท ดังนั้น หลังจากนี้ อคส.ก็จะทำการสำรวจปริมาณผลผลิตข้าวที่จะออก เพื่อที่จะได้วางแผนการผลิตและการทำตลาดเพื่อไม่มีปัญหา

เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต

พร้อมกันนี้ เป้าหมายในการซื้อข้าวในลอตแรกอยู่ที่ 10-20 ตัน ส่วนราคาในการรับซื้อนั้นยังไม่สามารถบอกได้ แต่ก็จะรับซื้ออย่างเป็นธรรมเพื่อประโยชน์ของชาวนา และรับซื้อในราคาตลาด โดยต้องรอให้ปริมาณผลผลิตออกมาก่อนถึงจะคาดการณ์ราคาซื้อขายได้ ส่วนราคาจำหน่ายนั้นก็จะประเมินจากราคาข้าวถุงในตลาด ซึ่งราคานั้นจะต่ำกว่าราคาข้าวหอมมะลิอย่างแน่นอน แต่ก็จะสูงกว่าข้าวขาว

“ราคาข้าวถุงในตลาดที่มีการจำหน่ายในตอนนี้ เช่น ราคาข้าวหอมมะลิ 5 ก.ก. อยู่ที่ประมาณ 250 บาท ข้าวหอมมะลิ 2 ก.ก. อยู่ที่ 110 บาท เป็นต้น ซึ่งก็จะนำมาพิจารณาเพื่อตั้งราคาจำหน่ายต่อไป”

นอกจากนี้ อคส.จะซื้อข้าวเพื่อทำข้าวถุงขายในประเทศแล้ว ยังมีเป้าหมายที่จะทำข้าวเพื่อการส่งออกอีกด้วย โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่ม โดยตลาดที่มีการหารือทั้งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ คือ มาเลเซีย ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะทำตลาดอย่างไร จะจำหน่ายในรุปแบบข้าวถุงได้หรือไม่ ซึ่งต้องขอเวลาในการดูในเรื่องนี้ก่อน ส่วนตลาดอื่น ๆ เช่น จีน ฮ่องกง ก็ยังมองตลาดอยู่

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมมีเป้าหมายในการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวนุ่มให้กับชาวนา รวมถึงพันธุ์ข้าว กข 85 ด้วย ซึ่งเริ่มทำการปลูกได้มา 2 ปีแล้ว โดยผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่อยู่ที่ 1 ตัน แต่ทั้งนี้ชาวนาก็ยังเพาะปลูกข้าวหอมปทุมอยู่ เนื่องจากเป็นข้าวที่ติดตลาดไปแล้ว

โดยพื้นที่เพาะปลูกข้าวพื้นนุ่มตอนนี้ก็อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง เช่น ชัยนาท กำแพงเพชร สิงห์บุรี อยุธยา ปทุมธานี นครปฐม สุพรรณบุรี เป็นต้น สำหรับราคาข้าวพื้นนุ่ม ราคาตลาดอยู่ที่ 9,300-9,700 บาทต่อตันข้าวเปลือก ส่วนข้าวพื้นแข็งราคาตลาดอยู่ที่ 8,500-8,700 บาทต่อตันข้าวเปลือก ในความชื้นที่ 25% อย่างไรก็ ข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์ไม่ได้อยู่โครงการรัฐ โดยเฉพาะโครงการประกันรายได้ แต่ในอนาคตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ข้าวชนิดดังกล่าวได้เข้าร่วมโครงการด้วย