กรมชลประทาน เกาะติดสถานการณ์ฝนตกหนักทั่วประเทศ  

กรมชลประทานเกาะติดสถานการณ์น้ำ สั่งติดตามเฝ้าระวัง ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ให้ซ้ำเติมวิกฤตโควิด พร้อมเร่งช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วม เผยขณะนี้มีอ่างฯ ขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก 15 แห่ง ขนาดกลาง 41 แห่ง คุมเข้มการบริหารจัดการน้ำตาม Rule Curve เพื่อลดผลกระทบ

วันที่ 29 สิงหาคม 2564 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ได้สั่งการให้กรมชลประทานติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และให้ดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝน 10 มาตรการของรัฐบาล เพื่อลดผลกระทบไม่ให้ไปซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งขณะนี้กรมชลประทานได้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพภูมิอากาศของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) พบว่าในเดือนกันยายน 2564 นี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทย ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นเกือบทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ 60 – 80 ของพื้นที่ โดยล่าสุดอิทธิ พลของร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกําลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำ ปกคลุมประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในพื้นท่ีภาคตะวันออก บริเวณ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งได้สั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 9  สำนักเครื่องจักรกล และโครงการชลประทานปราจีนบุรี ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งของแม่น้ำปราจีนบุรี โดยให้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำในพื้นที่เสี่ยง ดำเนินการแก้ไขสถานการณ์โดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำที่อาจจะล้นตลิ่ง

นอกจากนี้ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักร เครื่องมือ รถแบคโฮ รถขุด รถเทรลเลอร์ เครื่องสูบน้ําเคลื่อนท่ี เครื่องผลักดันน้ําในพื้นที่เสี่ยงสามารถนำไปช่วยเหลือได้ทันที รวมทั้งกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ํา และมอบเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด  ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงท่ีจะเกิดภัยน้ำท่วมก็ให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน  และให้รายงานสถานการณ์และผลการดำเนินงานให้ผู้บริหาร ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบทันที 

สำหรับสถานการณ์น้ำ ในอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่มีน้ำไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกในช่วงนี้  ทั้งนี้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 กันยายน 2564 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดหมายว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง  โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2564 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศ 447 แห่ง มีจำนวน 39,035 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 51% ของปริมาณการเก็บกัก  เป็นปริมาณน้ำที่ใช้การได้ 15,105 ล้าน ลบ.ม. หรือ 29% สามารถรับน้ำได้อีก 37,032 ล้าน ลบ.ม.

อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น กรมชลประทานได้สั่งการให้เฝ้าระวังและบริหารจัดการน้ำโดยเกณฑ์กักเก็บน้ำของอ่าง (Rule Curve) อย่างใกล้ชิด พร้อมให้มีการติดตามสถานการณ์และคาดการณ์น้ำในอ่างโดยใช้ Dynamic Operation Curve (DOC) โดยเฉพาะอ่างฯ ขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 51% ของปริมาณการเก็บกัก ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 15 แห่ง  ได้แก่ อ่างฯจุฬาภรณ์ 56%  อ่างฯลำตะคอง 61%  อ่างฯมูลบน 63%  อ่างฯลำแซะ 56% อ่างฯลำนางรอง 56% อ่างฯสิรินธร 63%  อ่างฯศรีนครินทร์ 69%  อ่างฯวชิราลงกรณ 69%  อ่างฯขุนด่านปราการชล 67%  อ่างฯหนองปลาไหล 68%  อ่างฯประแสร์ 71%  อ่างฯนฤบดินทรจินดา 63%  อ่างฯแก่งกระจาน 61%  อ่างฯปราณบุรี 53% และอ่างฯรัชชประภา 65% และอ่างฯขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของปริมาณการเก็บกักซึ่งขณะนี้มีจำนวน 41 แห่ง   โดยการระบายน้ำจะไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ นอกจากนี้ยังได้มีการตรวจสอบความมั่นคง แข็งแรงของอ่างฯ ทุกแห่ง 

สำหรับพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมขังในขณะนี้ กรมชลประทานได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ที่ อ.แกลง จ.ระยอง ได้เปิด ปตร.คลองโพล้ เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล ตลาดเจริญสุข อ.เมืองจันทบุรี ได้เปิด ปตร.คลองภักดีรำไพ ในแม่น้ำจันทบุรี เพื่อเร่งให้คลองน้ำใสระบายลงแม่น้ำจันทบุรีได้มากขึ้น เป็นต้น  คาดว่าหากไม่มีฝนตกหนักลงมาซ้ำเติมสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติอย่างแน่นอน