สมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำขนทัพ 13 สมาคมร้องรัฐบาล ลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง-DDGS พร้อมลดสัดส่วนการบังคับซื้อข้าวโพดในประเทศจาก 3 เหลือ 1.5 ส่วน แลกนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน อ้างขาดทุนอ่วมขู่อาจต้องปรับราคาตามราคาวัตถุดิบอาหาร 20-30%
รายงานข่าวจากสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำระบุว่า สมาพันธ์จะเสนอขอให้ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% และ ภาษีนำเข้าผลผลิตที่เหลือจากการผลิตเอทานอลด้วยข้าวโพด
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
หรือ DDGS 9% เพื่อนำไปผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งในแต่ละปีไทยผลิตได้เพียง 50,000 ตัน ต้องนำเข้าปีละ 2.5 ล้านตัน จากความต้องการใช้ทั้งเมล็ดและกากถั่วเหลืองปีละ 5 ล้านตัน
พร้อมทั้งจะเสนอให้ปรับลดสัดส่วนการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศต่อการนำเข้าข้าวสาลี จากปัจจุบัน 3 : 1 เหลือ1.5 : 1 เพราะผลผลิตข้าวโพดที่ผลิตได้มีเพียงปีละ 5 ล้านตัน จากความต้องการ8 ล้านตัน
เหลือต้องนำเข้าส่วนต่าง 3 ล้านตัน หากใช้สัดส่วนเดิม 3 ต่อ 1 จะทำให้นำเข้าได้เพียง 1 ล้านตัน แต่หากใช้สัดส่วน 1.5 ต่อ 1 จะนำเข้าได้มากขึ้น
เนื่องจากสมาชิกสมาพันธ์ซึ่งเป็นผู้ใช้อาหารสัตว์รวมกัน 90% ของการผลิตของประเทศ ได้รับความเดือดร้อนจากต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้น 20-30% ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 ถึงปัจจุบัน
จากราคาวัตถุดิบสูงสุดในรอบ 13 ปี เช่น ราคากากถั่วเหลืองปรับขึ้นจาก กก.ละ 13 บาท เป็น 18-19 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ขยับสูงสุดในเดือนกันยายน 2564 ถึง กก.ละ 11.50 บาท จากเดิม 8-9.50 บาท/กก.
อาหารเสริมและวิตามิน เกลือแร่นำเข้า สูงขึ้นกว่า 20-30% ทั้งยังมีต้นทุนการบริหารจัดการฟาร์มเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากโรคระบาดสัตว์ อีกทั้งรัฐบาลกำหนดให้มีโครงการประกันรายได้เกษตรกรราคา กก.ละ 8.50 บาท ไม่มีเพดานราคา
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับพืชเศรษฐกิจอื่นที่มีโครงการประกันรายได้ก็ไม่มีชนิดใดที่ใช้วิธีการซับซ้อนเหมือนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
“เมื่อราคาวัตถุดิบปรับสูงจนเกษตรกรมีรายได้เพียงพอ กลไกการตลาดจะทำงานโดยอัตโนมัติ การนำเข้าเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนสามารถทำได้โดยเสรี เพราะการที่ต้นทุนที่ปรับขึ้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์และอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์
ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นในระดับเดียวกัน เพราะสัดส่วนอาหารสัตว์ถือเป็นต้นทุนการผลิต 60% หากภาครัฐช่วยมาตรการดังกล่าวจะทำให้ภาคปศุสัตว์สามารถบริหารต้นทุน ลดการขาดทุนสะสม
ช่วยให้ขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดส่งออกได้ ทั้งยังช่วยป้องกันการทุจริตจากการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการและเครื่องมือทางการตลาดในการปกป้องผู้บริโภคจากการปรับราคาสินค้าตามต้นทุนการผลิตได้ เช่น โครงการธงฟ้า ที่สามารถตรึงราคาสินค้า เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนได้”
สมาพันธ์นี้ประกอบด้วย 13 สมาคม คือ สมาคมปศุสัตว์ไทย, ผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ,ส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, ผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทยสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่,
ผู้ผลิตและแปรรูปสุกรเพื่อการส่งออก, ผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก, สัตวบาลแห่งประเทศไทย, ส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์, ผู้เลี้ยงไก่พันธุ์, กุ้งไทย, ผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย และผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย