ถกทูตพาณิชย์งัดแผน “ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง” ดันส่งออกปี’65

ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง

ประชุมทูตพาณิชย์ เตรียมแผนตะลุยส่งออกปี’65 ปรับกลยุทธ์มุ่ง “ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง” หลังผลกระทบโควิดกระทบแผนจัดกิจกรรมส่งออกเปลี่ยน พร้อมลุยแฟร์ Phuket Gems & Jewelry Fest ดันส่งออกโค้งสุดท้ายปี’64

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเตรียมจะประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลกในช่วงปลายปีนี้ เพื่อหารือถึงทิศทางและแผนผลักดันการส่งออก ปี 2565 รวมไปถึงปัญหาการประเมินสถานการณ์อุปสรรค

จากนั้นจะนำเสนอแผนและรับมอบนโยบายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ช่วงเดือนมกราคม 2565 โดยแนวทางการส่งเสริมการส่งออกปีหน้า กรมจะเน้นรูปแบบดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น

เนื่องจากปัจจัยเรื่องของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปีหน้าจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ การจัดกิจกรรมส่งออกจะยังคงลำบาก ต้องอาศัยในรูปแบบออนไลน์ ออฟไลน์ รูปแบบเสมือนจริง เพื่อให้สามารถส่งเสริมการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม มองว่าโควิดจะยังเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออก แต่อีกด้านก็จะเป็นโอกาสการส่งออก เนื่องจากผู้บริโภคจะให้ความสำคัญเรื่องของสุขภาพ ดังนั้น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับโควิดจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น อีกทั้งตลาดจะให้ความสำคัญการส่งออกสินค้าที่พัฒนาตามนโยบาย BCG สินค้านวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในยุค next normal ผ่าน 152 โครงการ เนื่องจากจะมีส่วนสำคัญมากในอนาคต

สำหรับแนวโน้มการส่งออกไทยช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมาที่ขยายตัว 15.5% โดยกรมได้ร่วมมือกับเอกชนจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับภูเก็ต (Phuket Gems & Jewelry Fest) ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ตเฟสติวัล ระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาค 64 โดยเชิญผู้ซื้อจากต่างประเทศเข้าร่วม และจัดกิจกรรมเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย

ขณะที่แผนกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก-ตลาดเป้าหมายในปี 2565 ประกอบด้วย แผนจัดงานแสดงสินค้า Top Thai Brands และ Thailand Week ร่วมกับการจัดเจรจาการค้าเสมือนได้พบหน้า (webinar และ mirror & mirror) ในภูมิภาคเอเชียใต้ การจับคู่เจรจาการค้าสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ กับภูมิภาคละตินอเมริกา การเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ (OBM) การส่งเสริมการขายผ่านช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ (in-store promotion) โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้า ผู้นำเข้า และแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ในกลุ่มประเทศเป้าหมาย เป็นต้น

พร้อมกันนี้ กรมให้ความสำคัญกับการขยายตลาดฮาลาล ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพจากจำนวนประชากรนับถือศาสนาอิสลามที่คาดว่าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 1.6 พันล้านคนในปี 2553 เป็น 2.8 พันล้านคนในปี 2593 และในปี 2613 จะกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ตลาดสินค้าฮาลาลจะยิ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกรมกำหนดเป้าหมายส่งออกสินค้าฮาลาลไปยังกลุ่มประเทศมุสลิม (Organization of Islamic Conference : OIC)

อาทิ กลุ่มตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชียใต้และอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดสินค้าอาหารฮาลาลที่ใหญ่ที่สุด มีความต้องการนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมาก กลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิมแต่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก เช่น อินเดีย จีน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากด้วย

ทั้งนี้ ตัวอย่างแผนงานสำคัญ ปี 2565 1) การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า GULFOOD 2022 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารฮาลาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

2) โครงการพัฒนาผู้ประกอบการอาหารฮาลาล 5 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อการค้าระหว่างประเทศ 3) โครงการส่งเสริมการค้าสินค้าอาหารฮาลาลร่วมกับห้างสรรพสินค้า/ผู้นำเข้าในต่างประเทศ เป็นต้น