“อีสานเกตเวย์” เชื่อมเส้นทางรถไฟไทย-ลาว-จีน ดันส่งออกข้าว มัน ยาง ผลไม้

ผุดโปรเจ็กต์ “อีสานเกตเวย์” คู่ขนานคิกออฟโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน เชื่อมอีสานเชื่อมโลก “อลงกรณ์” ตั้งเป้าพลิกโฉมอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ (Esan New Economic Corridor) ส่งออกข้าว มัน ยาง ผลไม้ พร้อมพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

วันที่ 2 ธันวาคม 2564 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (2 ธ.ค.) ว่า จากการประชุมหารือร่วมกับนายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ คณะทำงานฟรุ้ตบอร์ดเฉพาะกิจครั้งที่ 5 เพื่อปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการผลไม้ในระดับพื้นที่ (Area Base) ตามนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Broad)

ซึ่งเป็นการ Focus Group ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เพื่อหารือแนวทาง และการวิเคราะห์ ปัญหา อุปสรรค รับ-ส่ง การรักษาคุณภาพผลไม้ เชิงพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับการกำหนดยุทธศาสตร์อีสานเกตเวย์ เชื่อมอีสานเชื่อมโลกด้วยเส้นทางขนส่งทางรถไฟจากไทยผ่านลาวไปจีนทุกมณฑล-เอเชียตะวันออก-เอเชียกลาง-ตะวันออกกลาง และยุโรป ซึ่งเป็นการเปลี่ยน logistics landscape สร้างโอกาสใหม่ให้ประเทศไทย

โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้โดยมีอีสานเป็นประตูการค้าการขนส่งและเป็นฐานการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ 1 กลุ่ม จังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร หรือศูนย์แปรรูปผลไม้และสินค้าเกษตร

โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) รวมทั้งการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดบริการใช้ประโยชน์บนเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ซึ่งมีพิธีเปิดเป็นทางการในวันที่ 3 ธ.ค. ที่เวียงจันทน์ นครหลวงของลาวและมีพิธีเปิดสถานีขนส่งท่านาแล้งในวันที่ 4 ธ.ค.ที่จะถึงนี้

สำหรับเส้นทางรถไฟจีน-ลาว มีระยะทางประมาณ 420 กิโลเมตร 31 สถานี เริ่มต้นที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เชื่อมต่อที่เมืองบ่อเต็น ประเทศลาว มีปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดหนองคาย โดยมีการทำ MOU บันทึกความร่วมมือ 3 ประเทศระหว่าง ไทย-ลาว-จีน ในปี 2560 เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งสินค้าข้ามแดนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ผ่านการขนส่งทั้งทางราง ทางถนน ทางอากาศและทางเรือเพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตของการส่งออกการนำเข้าของประเทศไทยต่อไปในอนาคตโดยมีอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ (Esan New Economic Corridor)

“การเปิดศักราชใหม่ของระเบียงเศรษฐกิจอีสานเป็นผลมาจากการเดินทางเยือนจีนในเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนนำมาซึ่งการลงนามในพิธีสารเปิดด่านนำเข้าส่งออกระหว่าง ไทย-จีน เพิ่มเป็น 16 ด่าน รวมทั้งด่านรถไฟโมฮ่าน ด่านรถไฟผิงเสียง ด่านรถไฟเหอโขว่”

พร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตร โดยมี นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานทำงาน ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม หน่วยงานรัฐอื่นๆ ภาคเกษตรกรและภาคเอกชนทำให้การเตรียมความพร้อมในการขนส่งทางรถและทางรถไฟปกติไปยังสถานีขนส่งท่านาแล้งพร้อมเปิดดำเนินการโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยาง และผลไม้ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเวลาในการขนส่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรและเปิดโอกาสทางการตลาดต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย

ทั้งนี้ ทางสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายงานล่าสุดว่า ขณะนี้ลาวได้กำหนดอัตราค่าโดยสารและค่าระวางขนส่งสินค้าแบบเทกองแล้ว ส่วนอัตราการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่ได้กำหนด นายอลงกรณ์” กล่าว

นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมรายงานว่า การเชื่อมทางรถไฟความเร็วสูงในส่วนของไทยยังอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีระยะทาง 253 กม. กำหนดเปิดให้บริการ ปี 2569 สำหรับระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย มีระยะทาง 356 กิโลเมตร ปัจจุบันได้ออกแบบรายละเอียดโดยมีกำหนดเปิดให้บริการ ปี 2571

ในส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่าได้จัดขบวนรถรองรับการเดินทางช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ และรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นที่สถานีท่านาแล้งของลาว จากเดิมมีรถไฟของ ร.ฟ.ท.ผ่านสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 1 ขาไป 2 ขบวนและขากลับ 2 ขบวนทาง ร.ฟ.ท.ได้เพิ่มเติมตารางเวลาการเดินรถ ซึ่งเมื่อมีการเชื่อมต่อในเส้นทางดังกล่าวแล้วจะเพิ่มขบวนรถขาไป 7 ขบวนและขากลับ 7 ขบวน รวมมีการเพิ่มจำนวนขบวนรถเป็น 14 ขบวน

อีกทั้งมีการพัฒนาสถานีหนองคายให้รองรับการขนส่งผ่านสะพานเดิม โดยพัฒนาบริเวณสถานีที่มีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายจากถนนสู่ราง โดยให้เอกชนเช่าบริหารจัดการพื้นที่ 4 แปลง อีก 1 แปลงเป็นพื้นที่ส่วนกลางในส่วนการจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับศูนย์ย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard) สามารถรองรับการแลกเปลี่ยนสินค้าจากรถไฟที่เข้ามาจากจีนและลาว และส่งออกไปยังลาวและจีนโดย ตั้งอยู่ในพื้นที่ด้านหลังของลานขนถ่ายสินค้า

สำหรับกองเก็บตู้สินค้าประเภทต่าง ๆ รวมถึงอาคารสำนักงาน, คลังสินค้า และอาคารประกอบอื่น ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงศูนย์การเอ็กซเรย์ (X-ray) ตู้สินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มาใช้บริการแบบ One-Stop Service