กรมปศุสัตว์ของบฯกลาง 1,779 ล้านบาท เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า ชี้เพื่อรักษามูลค่าทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการผลิตสุกรไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนล้านบาท พร้อมตั้งทีมพัฒนาเพื่อส่งเสริมงานวิจัย และคณะทำงานศึกษาแนวทางในการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ
วันที่ 9 ธันวาคม 2564 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงมาตรการควบคุม ป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของประเทศไทย ที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องว่า กรมปศุสัตว์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมงานวิจัยโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
ซึ่งประกอบไปด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสุกรทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยมีหน้าที่หลัก ได้แก่ การกำหนดแนวทางการวิจัยสำหรับการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร จัดหาแหล่งเงินทุนงานวิจัย พร้อมทั้งส่งเสริมและขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนางานวิจัยสำหรับการป้องกันที่เกี่ยวข้องกับโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง
โดยเป้าหมายแรกของคณะกรรมการชุดนี้ที่จะดำเนินการ คือ การผลักดันการวิจัยโดยเฉพาะการเร่งวิจัยวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการซึ่งจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานระดับ Animal BSL3 เพื่อใช้สำหรับทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผลิตขึ้น จากนั้นจะเป็นขั้นตอนในการพัฒนาวัคซีนให้สามารถนำมาใช้ได้จริงในอุตสาหกรรมการผลิตสุกรในอนาคตทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบฯกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่าในวงเงินงบประมาณ 1,779,831,862.48 บาท ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของกรมปศุสัตว์สำหรับในการดำเนินการควบคุม ป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรทุกมิติให้มีประสิทธิภาพ เป็นการรักษามูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตสุกรและอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 150,000,000,000 บาท อีกทั้งป้องกันการขาดแคลนเนื้อสุกรเพื่อการบริโภค อันเป็นการรักษาความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ
“ช่วงเวลานี้เป็นช่วงรอยต่อของฤดูฝนและฤดูหนาว สภาพอากาศหลาย ๆ พื้นที่ทั่วประเทศมีความหนาวเย็น แต่ในขณะเดียวกันหลายพื้นที่กลับประสบสภาวะน้ำท่วม ส่งผลให้สุกรเกิดความเครียดระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับหากเป็นฟาร์มของเกษตรรายย่อยซึ่งระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในการเลี้ยงสุกร (Biosecurity) ยังไม่ได้มาตรฐานจะทำให้สุกรที่เลี้ยงมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นที่จะเกิดการติดเชื้อขึ้นในฟาร์ม โดยเฉพาะที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่นและมีประวัติการระบาดของโรคมาก่อน”
กรมปศุสัตว์จึงขอแนะนำให้เกษตรกรปรับปรุงระบบความปลอดภัยทางชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสุกรให้มีประสิทธิภาพ เช่น ควรทำการกักแยกสุกรที่นำเข้ามาเลี้ยงใหม่เพื่อสังเกตอาการก่อนปล่อยเข้าร่วมฝูง ทำความสะอาดฟาร์มด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพ เข้มงวดการทำลายเชื้อโรคในน้ำที่ใช้ในฟาร์มก่อนนำไปใช้เลี้ยงสุกร ยานพาหนะที่เข้า-ออกฟาร์มจะต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคทุกครั้ง ไม่นำสุกรที่ไม่ทราบประวัติเข้าสู่ฟาร์มโดยเฉพาะจากพื้นที่ที่เคยมีการระบาดโรคต่าง ๆ มาก่อน เป็นต้น รวมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรเพิ่มเติมในการเป็นเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคระบาดในสุกรเพื่อสามารถควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในวงจำกัด
รายงานข่าวระบุ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 กรมปศุสัตว์มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเพื่อส่งเสริมงานวิจัยโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร เพื่อเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุหากเกิดการระบาด โดยมีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นประธาน และร่างหนังสือแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษามาตรการตามข้อเสนอเชิงนโยบาย โครงการฟื้นฟูเยียวยาและปรับโครงสร้างการเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายกลางถึงรายย่อยเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันแบบยั่งยืน
โดยตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาการนำระบบเศรษฐกิจใหม่ BCG Model มาใช้ในวงการปศุสัตว์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งศึกษาแนวทางในการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ในประเทศและจำหน่ายในกลุ่มอาเซียนโดยรายงานผลการศึกษาให้คณะกรรมการที่ปรึกษาของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและ ผลิตภัณฑ์ทราบภายใน 120 วัน นับจากวันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง