บิ๊กธุรกิจ “คูโบต้า” กางแผนดันยอดปี’65 รับจีดีพีเกษตรโต 3%

ทาคาโนบุ อะซึมะ
ทาคาโนบุ อะซึมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
สัมภาษณ์พิเศษ

การขับเคลื่อนการเติบโตของจีดีพีภาคเกษตรปี 2565 ให้ได้ 2-3% นั้น แน่นอนว่าจะส่งผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งมีโอกาสจะเติบโตตามไปด้วย “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “นายทาคาโนบุ อะซึมะ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าตลาดธุรกิจเครื่องจักรกลด้านการเกษตรและระบบโซลูชั่นด้านการเกษตร ถึงภาพรวมการประกอบธุรกิจและทิศทางธุรกิจว่า

ภาพรวมธุรกิจในปี 2564

ที่ผ่านมาในช่วง 3 ไตรมาสของ 2564 บริษัทมียอดขายเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยเฉพาะสินค้าหลัก คือ กลุ่มแทรกเตอร์ 50% รองลงมาคือสินค้าในกลุ่ม farm machinery 20% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

“ยอดขายเติบโตสูงเนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้แรงงานในเมืองกลับมาทำการเกษตรมากขึ้น มีทั้งลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปใช้ส่วนตัวและรับจ้าง ส่วนมากแล้วลูกค้าที่ซื้อสินค้าของบริษัทจะมีภูมิหลังที่ทำเกษตรมาก่อน อีกส่วนหนึ่งคือเติบโตจากการขายเข้ากลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่ ซึ่งมีการสนับสนุนจากภาครัฐ ส่วนภาพรวมในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ขณะนี้คาดการณ์แนวโน้มยอดขายจะปรับลดลงเล็กน้อยจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ผลจากสถานการณ์พืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าวราคาตกต่ำ”

แนวโน้มธุรกิจปี 2565

เป้าหมายธุรกิจในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตไปในทิศทางตามการคาดการณ์การเติบโตภาคการเกษตรโดยรวม (GDP เกษตร) ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประเมินว่ามีแนวโน้มจะเติบโต 2.0-3.0% ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างแผนการลงทุนปี 2565 คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนมกราคมนี้

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อยอดขาย

การดำเนินนโยบายการส่งเสริมทำเกษตร 4.0 และแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะปี 2565-2566 ที่มุ่งเน้นตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาการสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ และส่งเสริมให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะจริง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำนั้น ทางสยามคูโบต้าฯยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันนโยบายเหล่านี้ด้วยการเป็นผู้พัฒนาและถ่ายทอดนวัตกรรมเกษตรเพื่ออนาคต ให้กับวงการเกษตรอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

“เป้าหมายที่อยากให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เราจึงได้พัฒนาโซลูชั่นหลากหลายให้เข้าถึงและตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรในแต่ละกลุ่มได้ ผ่านการพัฒนาและส่งมอบองค์ความรู้ในการเพาะปลูกพืชใหม่ ๆ เช่น ผัก ผลไม้ ซึ่งต่อยอดแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS เกษตรครบวงจรอย่างต่อเนื่อง”

รวมถึงการใช้นวัตกรรมเกษตร การใช้ internet of things (IOT) เช่น การใช้โดรนการเกษตร การใช้ซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการฟาร์ม การใช้ระบบบริหารจัดการน้ำอัตโนมัติ นวัตกรรมไร้คนขับ นวัตกรรมการปลูกผักต่าง ๆ บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ อาทิ รถดำนาเดินตาม 4 แถว โดรนเพื่อการเกษตร โรงเรือนอัจฉริยะ (green house) และรถปลูกผัก (vegetable planter) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนทำการเกษตร

โดยนำนวัตกรรมและองค์ความรู้ต่าง ๆ ทั้งจากคูโบต้า ประเทศญี่ปุ่น และการศึกษาวิจัยของทีมผู้เชี่ยวชาญของบริษัทเข้ามาพัฒนาประยุกต์ใช้กับภาคการเกษตรของไทย”

นอกจากนี้ เรายังส่งเสริมให้ผู้ใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะในระดับที่ใช้งานได้ง่าย ผ่านการพัฒนาความสามารถของระบบ GPS telematics ที่ชื่อว่า KIS (KUBOTA intelligence solutions) และขยายไปยังเครื่องจักรกลการเกษตรรุ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ การปลูกพืชในร่ม (green house) ยังเป็นโซลูชั่นที่มีความสำคัญในอนาคต เพราะสภาพอากาศภายนอกจะมีความผันผวน ควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้ยากขึ้น

ปรับตัวรับมือโควิด

เรื่องที่มีความท้าทายอย่างมากในด้านการจัดส่งสินค้าให้ทันกับความต้องการ ด้วยการผลิตของ supplier ที่อาจได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดทำให้เกิดการหยุดผลิตเป็นบางช่วง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นจากการใช้มาตรการ bubble & seal และการเร่งจัดหาวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น เพื่อให้พร้อมส่งมอบสินค้าให้ทันกับความต้องการของตลาด

“บริษัทรักษาระดับการให้บริการลูกค้าให้มีความพึงพอใจสูงสุด โดยดูแลเรื่องความสะอาดปลอดภัย เคร่งครัดต่อมาตรการป้องกันโควิด-19 ในการเข้าไปปฏิบัติงานของผู้ให้บริการ และยังมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือใหม่ ๆ มาปรับใช้ในองค์กร เข้าสู่ยุค digital transformation รวมถึงกระตุ้นให้พนักงานเกิดการเรียนรู้ที่จะพัฒนาทักษะแบบไม่หยุดนิ่ง เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพการทำงานแบบ new normal”