เทียบความต่าง โรคระบาดในสุกร ASF กับ PRRS อาการ การรักษา การแพร่เชื้อ ต่างกันอย่างไร
โรคระบาดในหมูที่สะสมมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562-2564 และในต้นปี 2565 ถูกระบุจากกรมปศุสัตว์ประเทศไทยว่า เป็นเพียงโรคพีอาร์อาร์เอส หรือ เพิร์ส (Porcine Reproductive and Respiratory Syndrome : PRRS) ไม่ใช่โรคไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF)
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ปมปัญหาโรคระบาดในหมูดังกล่าว ถูกเปิดโปงโดยเอกสารจริง จากภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ได้ออกมายืนยันว่าพบเชื้อ ASF ในสุกรจริง ขอให้กรมปศุสัตว์พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อการควบคุมโรคอย่างเร่งด่วน เพื่อมีให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นแก่เกษตรกรและอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรในประเทศไทย และพร้อมสนับสนุนทางวิชาการร่วมหาทางแก้ไขปัญหา
โรคระบาดในหมู ส่งผลให้หมูตายหายจากระบบกว่า 50 % ราคาหมูพุ่งแพงขึ้นทะลุกิโลกรัมละ 300 บาท เชื่อมโยงกับปัญหาการปกปิดและปฏิเสธข่าวการระบาดของโรคไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ที่ระบาดใน 35 ประเทศทั่วในโลก รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านชายแดนไทย แต่ยกเว้นประเทศไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่รัฐบาล และส่วนราชการไทย ปฏิเสธมาตลอด 3 ปี ว่าประเทศไทย ยังไม่มีการระบาดของโรค ASF แต่เป็นโรคเพิร์ส (Porcine Reproductive and Respiratory Syndrome : PRRS) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการของโรคในระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินหายใจในสุกร ทําให้แม่สุกรแท้ง ลูกตายแรกคลอดสูง
- ภาคีคณบดีสัตวแพทย์ ร่อนหนังสือถึงปศุสัตว์ หาคำตอบ หลังพบ ASF ในหมูจริง
- เปิดไทม์ไลน์โรคระบาดหมู ข้อเท็จจริง-คำปฏิเสธของกรมปศุสัตว์ ยังไม่ใช่ ASF
- ปศุสัตว์โต้ไม่เคยเห็นเอกสาร จากภาคีคณบดีสัตวแพทยฯ
- เปิดประวัติ “สรวิศ ธานีโต” อธิบดีกรมปศุสัตว์ มีทรัพย์สิน 12 ล้านกว่า
ASF – PRRS ต่างกันอย่างไร
African Swine Fever : ASF
เป็นโรคติดต่อรุนแรงเฉพาะหมูเลี้ยง และหมูป่า เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Asfivirus เป็น DNA Virus ที่มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมได้นาน และอยู่ในเนื้อหมูแช่แข็งได้หลายปี พบการระบาดครั้งแรกเมื่อปี 2464 ที่ประเทศเคนย่า ทวีปแอฟริกา
โรคนี้ยังไม่มียารักษาและวัคซีนป้องกัน หมูที่ติดเชื้อจะมีไข้สูง มีจุดเลือดออก โดยเฉพาะใบหู ท้อง และขาหลัง โดยหมูจะแสดงอาการหลังติดเชื้อประมาณ 3-4 วัน หากเกิดโรคนี้กับฟาร์มใดจะทำให้หมูตายฉับพลันทันที (อัตราการตายสูง 80-100%)
กลุ่มอาการ
- ระบบทางเดินหายใจ
- ระบบทางเดินอาหาร
การแพร่กระจายของเชื้อโรค
- การสัมผัสสารคัดหลั่งของสุกรป่วย
- การหายใจเอาเชื้อเข้าไป
- การกินอาหารที่เชื้อปนเปื้อน
- การโดนเห็บที่มีเชื้อกัน
อาการ
- มีไข้สูง
- ผิวหนังแดง มีเลือดออก
- มีรอยช้ำที่ใบหู ท้อง ขาหลัง
- ไอ แท้ง ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด
การรักษา
- ยังไม่มียาหรือวัคซีนที่สามารถป้องกันได้
- เน้นการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio security)
อาการทั้งหมดนี้ ยืนยันโดยสำเนาเอกสารแจ้งผลการชันสูตรซากหมูที่ตาย ซึ่งตรวจชันสูตรโดยห้องแล็บของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในปี 2564 ระบุว่า ตัวอย่างซากสุกรที่ส่งตรวจนั้นป่วยเป็นโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) ซึ่งหลังทราบผลชันสูตร คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้รายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการดังกล่าวไปยังหน่วยงานในกรมปศุสัตว์
และเอกสารจาก ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือลงวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ระบุมีการตรวจพบเชื้อไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) โดยตรวจพบในซากสุกรที่ส่งชันสูตรโรค และได้รายงานการตรวจพบโรคต่อกรมปศุสัตว์ตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และขอให้กรมปศุสัตว์ดำเนินการตามมาตรการเพื่อควบคุมโรคโดยเร็ว
Porcine Reproductive and Respiratory Syndrome : PRRS
เป็นโรคติดต่อที่เกิดเฉพาะในหมูเช่นกัน ซึ่งโรคนี้ก่อให้เกิดปัญหาระบบสืบพันธุ์และทางเดินหายใจ ทำให้แม่หมูแท้ง ลูกตายแรกคลอดสูง อัตราการผสมติดต่ำ ความเสียหายอาจไม่รุนแรงเท่าโรคแอฟริกันสไวน์ฟีเวอร์ (ASF) พบรายงานการระบาดครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2530 และประเทศเยอรมนี ทวีปยุโรป ในปี 2533 ปัจจุบันโรคนี้สามารถพบได้ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
อาการของโรคทั้งสองนี้คล้าย ๆ กัน คือ มีอาการไข้ เบื่ออาหาร และมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ แต่อัตราการตายต่างกัน ซึ่งทั้งสองโรคนี้เกิดขึ้นเฉพาะในหมู ไม่ได้เป็นโรคติดต่อสู่คน
กลุ่มอาการ
- ระบบทางเดินหายใจ
- ระบบทางสืบพันธุ์
การแพร่กระจายของเชื้อโรค
- การสัมผัสสารคัดหลั่งของสุกรป่วย
- ทางอากาศ (รัศมี 3 กม.)
- การสืบพันธุ์ น้ำเชื้อ
- แมลงดูดเลือด
- เครื่องมือต่าง ๆ ในฟาร์ม
อาการ
- มีไข้สูง
- หายใจลำบาก
- มีการติดเชื้อแทรกซ้อน
- มีโอกาสแท้งหรือลูกตายแรกคลอดสูง
การรักษา
- ให้ยาปฏิชีวนะ ยาลดการอักเสบและลดไข้
- มีวัคซีนป้องกัน แต่ประสิทธิภาพยังเห็นผลไม่แน่นอน
- เน้นการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio security)