โรงงานไบโอดีเซลห่วงลดใช้น้ำมันบี 7 ฉุดราคาผลปาล์ม

โรงงานไบโอดีเซล 15 โรง ลุ้น กนป.ถกวาระร้อน “ปาล์มแพง-ของขาดตลาด” ไฟเขียวตามมติ กบง.สั่งลดไบโอดีเซลจากบี 7 เหลือบี 5 ตรึงราคาดีเซล 30 บาท/ลิตร ด้านสมาพันธ์ชาวสวนตั้งข้อสังเกตความผิดปกติไทยพิจารณาเปิดด่านสะเดานำผ่านน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ สปป.ลาวทะลุมาเลย์ หวั่นไทยเป็นทางผ่านของนอกทะลัก

แหล่งข่าวจากกลุ่มโรงงานผลิตไบโอดีเซล บี 100 เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ 1/2565 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้เลื่อนจาก 17 ก.พ. 2565 เร็วขึ้นเป็น 4 ก.พ. 2565 จากปัญหาราคาปาล์มปรับสูงขึ้น หลังจากการบริหารสต๊อกโดยเร่งผลักดันการส่งออก โดยจ่ายชดเชยให้ผู้ส่งออก กก.ละ 2 บาท ทำให้ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ลดลงจาก 3 แสนตัน เหลือ 1.6 แสนตัน เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ต่ำกว่าปริมาณสต๊อก เพื่อความมั่นคงที่ควรจะมี 2.5 แสนตัน ขณะที่ผลผลิตปาล์มฤดูกาลใหม่ที่คาดว่าจะออกเดือน ก.พ. จะเลื่อนไปเป็น มี.ค. จึงทำให้ราคาผลปาล์มขยับขึ้นไปสูงสุด กก.ละเกือบ 12 บาท หรือคิดเป็นราคาน้ำมันปาล์มดิบ 56-57 บาท

โดยคาดการณ์ว่าหนึ่งในวาระพิจารณาจะรับมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 มีมติให้ปรับลดสูตรการใช้น้ำมันไบโอดีเซลบี 100 ผสมจากบี 7 เหลือบี 5 เพราะต้นทุนราคาปาล์มสูง ซึ่งราคาบี 100 ก็ขายขึ้นไปสูง เรียกว่าซื้อแพงขายแพงตามสัดส่วน สูตรที่กำหนดให้ขายในราคา CPO+3 บาท เช่น น้ำมันราคา CPO ราคา 56 บาท จะเป็นราคาบี100 ที่ 59 บาท

“ผลคือหากมีการปรับลดบี 7 เหลือบี 5 ซึ่ง กบง.ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ก.พ. หลังผ่านที่ประชุม กนป. ซึ่งจะทำให้การใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นส่วนผสมลดลงจากเดิมที่ใช้อยู่ 7.5-8% เหลือ 6.7-6.8% เท่านั้น ซึ่งทำให้ความต้องการใช้จากที่เคยอยู่ที่เดือนละ 80,000-90,000 ตัน หายไป 20% ซึ่งอาจจะกระทบต่อราคาปาล์ม เราจึงเสนอว่าขออย่าใช้ยาแรงถ้าจะลดจากบี 7 มาเป็นบีต่ำ ๆ เลยคงไม่ไหว และขอให้บริหารจัดการให้ดี ที่ผ่านมาส่งออกมากเกินไป และเป็นการส่งออกในราคาต่ำแค่ กก.ละ 40 บาท จากปัจจุบันราคาน้ำมัน กก.ละ 60 บาทแล้ว หากรัฐบาลมองนโยบายเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย เขาส่งเสริมให้ส่งออกสินค้าสำเร็จรูปที่มีการเพิ่มมูลค่าแล้ว ไม่ใช่ส่งออกวัตถุดิบ CPO โดยรัฐบาลเขาใช้ภาษีเป็นกลไกที่ยืดหยุ่นปรับขึ้นลงได้ตามสถานการณ์ แต่ไทยไม่มี”

“ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานไบโอดีเซลที่ซื้อมาผลิตซื้อถูกขายถูกซื้อแพงขายแพง ตอนนี้เราไม่ได้รู้สึกดี เพราะเงินทุน 100 บาท เดิมเราซื้อปาล์มได้จำนวนมาก แต่ตอนนี้ 100 บาทเท่าเดิม แต่ซื้อวัตถุดิบได้ลดลง ยิ่งช่วงนี้ในไตรมาส 1 คนใช้น้ำมันไบโอดีเซลมากขึ้น เพราะโควิดไม่กระทบกับการใช้ชีวิตทุกคนกลับมาใช้ปกติ แต่หากโรงงานจะเพิ่มกำลังการผลิตก็ต้องใช้เงินมากขึ้น ปาล์มแพงจึงกระทบต่อเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจ”

และที่สำคัญที่ผ่านมา ปัญหานี้เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการ ส่วนการส่งเสริมธุรกิจ โดยเฉพาะโรงงานไบโอดีเซลที่เพิ่มมากขึ้นจากนโยบายเมื่อ 2 ปีก่อน มีการส่งเสริมจนทำให้ตอนนี้ไทยมีโรงงานไบโอดีเซลผลิต บี 100 เพิ่มมาอีก 1-2 โรงงานเมื่อปีก่อน รวมเป็น 15 โรงมีกำลังการผลิตมากกว่า 9.4 ล้านลิตรต่อวัน แต่ใช้เพียง 4 ล้านลิตรต่อวัน

รายงานข่าวระบุว่า ในการประชุม กนป.ในวันที่ 4 นี้ยังจะมีการหารือ 4-5 วาระคือ จากกระทรวงพาณิชย์ในเรื่อง การอัพเดตสถานโครงการประกันรายได้ชาวสวนปาล์ม ปี 2564-2565 การพิจารณาขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อลดผลผลิต ส่วนเกิน ในปี 2565 ต่อเนื่องจากปี 2564 การทบทวนมาตรการนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ตามคำขอของ สปป.ลาว และการพิจารณาแนวทางเพิ่มมูลค่าปาล์มน้ำมัน รวมถึงเรื่องการการลดสูตรบี 7

นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาพันธ์ได้ประชุมเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2565 เกี่ยวกับมติ กบง.เรื่องการปรับลดสูตรบี 7 โดยมีมติว่าจะรอการพิจารณาของกนป.ก่อนว่าจะเห็นชอบตาม ที่ กบง.หรือไม่ จากนั้นจึงจะมีการเคลื่อนไหวต่อไป

ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาผลปาล์มดิบในตลาดเริ่มอ่อนลงแล้ว โดยปรับลดราคาลง กก.ละ 2-3 บาท ซึ่งมีผลให้ราคาน้ำมันปาล์ม CPO ปรับลดลงตามไปด้วย อีกทั้งรัฐบาลเริ่มใช้โครงการคนครึ่ง เฟส 4 แล้ว จึงทำให้ประชาชนคลายความกังวลเรื่องปัญหาค่าครองชีพลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ทางสมาพันธ์เห็นว่าการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันนั้นควรต้องพิจารณาอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้ช่วยสินค้าหนึ่งแล้วไปกระทบต่ออีกสินค้าหนึ่ง

“สำหรับการพิจารณาเรื่องการนำผ่านเป็นเรื่องสำคัญมาก ปัจจุบันไทยเปิดให้นำผ่าน 2 ด่าน คือ ท่าเรือกรุงเทพและแหลมฉบัง แต่หากเรายอมเปิดท่าเรือสะเดาอีก ต้องพิจารณาว่าเกษตรกรจะได้อะไร ต้องค้าผ่านแดน จากนี้จีนเขาจะซื้อน้ำมันปาล์มเราหรือไม่ ไทยจะไม่มีโอกาสขายให้จีนเลย เพราะยิ่งมีรถไฟจีน-ลาว ซึ่งจะขนส่งผ่านไทยไป หรือในช่วงที่ราคาปาล์มของไทยแพงมาก ก็อาจจะทำให้มีการนำเข้ามาและตกค้างในประเทศไทยอีก ใครจะเป็นผู้ตรวจสอบ”