แผนส่งออกผลไม้ไทยไปจีน-ทะลวงคอขวด เร่งขยายตลาดตะวันออกกลาง

ผลไม้ไทย
ภาพประกอบข่าวเท่านั้น

รัชดา-รองโฆษกรัฐบาล กางแผนเจรจาส่งออกผลไม้ไทยไปจีน แก้ปัญหาคอขวด ยืนยันไม่ทอดทิ้งชาวสวนทุเรียน-ส่งออกทุเรียนไปจีนทะลุแสนล้าน เร่งขยายตลาดผลไม้ส่งออกตะวันออกกลาง

วันที่ 14 มีนาคม 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงประเด็นการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบาย Zero-COVID ของจีน ที่มีการตรวจตราอย่างเข้มงวด ณ ด่านโหย่วอี้กวาน ผิงเสียง ตงซิง และโมฮาน ทำให้การจราจรติดขัด ส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ของทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะไทยเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลได้บูรณาการการทำงานหลายกระทรวง พร้อมทั้งหารือฝ่ายจีนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขนส่งสินค้าไทยมีความคล่องตัว ไม่เกิดความเสียหาย และเร่งขยายตลาดสู่ประเทศตะวันออกกลางมากขึ้น มั่นใจปีนี้ส่งออกสินค้าเกษตรโตแน่นอน

น.ส.รัชดากล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจต่อการแก้ปัญหาการส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปจีน นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้บูรณาการการทำงาน ประสานกับทางการจีนมาอย่างต่อเนื่อง และได้แก้ปัญหาข้อติดขัดที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ จนทำให้การส่งออกผลไม้ในปี 2563 มีมูลค่า 91,000 ล้านบาท และปี 2564 เพิ่มเป็น 160,000 ล้านบาท เฉพาะทุเรียนกว่าหนึ่งแสนล้านบาท

น.ส.รัชดากล่าวว่า มากไปกว่านั้นรัฐบาลได้หารือกับทางจีนในหลายประเด็น คือ 1.ขอให้ล้งไทยที่ผ่านกระบวนการอบรมหลักสูตร ล้งปลอดโควิด-19 มี GMP Plus รับรอง ซึ่งอบรมไปแล้วกว่า 400 แห่ง สามารถผ่านด่านจีนได้โดยไม่ต้องเปิดทุกตู้ 2.การขนส่งบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาวโดยการปิดตู้ที่ประเทศลาว และส่งไปคุนหมิงโดยไม่ต้องแวะตรวจที่ด่านโมฮานเพื่อให้สามารถส่งทุเรียนและผลไม้เศรษฐกิจอื่น ๆ ทางรางได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ 3.เสนอให้มีการประชุมหารือกับประเทศจีน ลาวและเวียดนามเพื่อตกลงมาตรการร่วมกันเรื่อง protocol ในการเปิด-ปิดด่านชายแดนต่าง ๆ และ 4.เสนอให้ด่านมี Green Lane สำหรับผลไม้ไทยเป็นการเฉพาะ

น.ส.รัชดากล่าวว่า ขณะเดียวกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ได้สั่งการให้มีมาตรการรองรับปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบปี 2565 ประกอบด้วย 1.การรองรับเหตุการณ์ไม่ปกติ 2.การช่วยเหลือในการกระจายสินค้า ควบคุมคุณภาพ และกระตุ้นการบริโภคผลไม้ 3.การช่วยเหลือสนับสนุนการส่งออกผลไม้ไทย 4.การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มผลไม้ และ 5.การช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ปกติ

“สำหรับตลาดใหม่ที่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯเร่งทำการตลาดอยู่คือ ตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งที่ผ่านมามีความต้องการผลไม้สดจากไทยจำนวนมากขึ้นและหลากหลายชนิด เช่น เงาะ มังคุด ลำใย มะม่วง ทุเรียน” น.ส.รัชดากล่าว

น.ส.รัชดากล่าวว่า นอกจากการไปเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ที่จะนำไปสู่โอกาสทองการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรของไทยแล้ว ล่าสุด การเจรจาหารือระหว่างนายเฉลิมชัยกับรัฐมนตรีด้านการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ณ เมืองดูไบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะนำไปสู่การส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอาหารอย่างแน่นอน ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ หมื่นกว่าล้านบาท/ปี และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 4.6