เฟรเซอร์สฯปักหมุดพระประแดง รุกอสังหาฯอุตฯ ตั้งกรอบเงินลงทุนปี’65 หมื่นล้าน

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ปักหมุดพื้นที่ใหม่ “พระประแดง” สร้างโลจิสติกส์ปาร์ก ลุยเพิ่มธุรกิจคลังสินค้า อาคารให้เช่า หลังบริษัทแม่ไฟเขียวเงินลงทุนปี’65 แตะ 10,000 ล้านบาท เน้นอาคารรูปแบบมิกซ์ยูสเตรียมอีก 2 โครงการ Go Micro-Go Mix

วันที่ 24 มีนาคม 2565 นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปี 2565 หลังจากบริษัทแม่สิงคโปร์อนุมัติเงินลงทุนให้ 10,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายจะปรับเกมรุกด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จะให้บริการภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ทั้งคลังสินค้า แวร์เฮาส์

โสภณ ราชรักษา

ซึ่งได้กำหนด 7 กลยุทธ์ไว้เป็นแนวทางการบริหารงาน ประกอบด้วย 1.การหาว่ากลุ่มลูกค้าในธุรกิจใหม่คือใคร เช่น อีคอมเมิร์ซ 2.การดีไซน์อาคารที่ใช้ระบบออโตเมชั่นเข้ามา รวมถึงการปรับปรุงอาคารเก่าที่มีอยู่ 20,000 ตร.ม. 3.โลเกชั่น ที่ต้องตอบโจทย์ในเรื่องของการขนส่งโลจิสติกส์ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ หรือแม้กระทั่งโครงการโลจิสติกส์ปาร์ที่จะเข้าใกล้เขตเมืองมากขึ้น

4.การสร้าง New produce ที่เทรนด์ของโลกกำลังต้องการ 5.การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 6.การใช้ IฯT เข้ามาช่วย 7.การมี New Network ที่เป็น International

โดยปีนี้บริษัทมีแผนจะลงนามสัญญาพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมใหม่พื้นที่รวมกว่า 200,000 ตร.ม. และยังมีลูกค้าในไปป์ไลน์ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาอีกจำนวนมาก เนื่องจากความต้องการใช้พื้นที่อาคารโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมกำลังเพิ่มขึ้น และ FPIT ยังเตรียมเปิดตัวเมกะโปรเจ็กต์อีก 2 โครงการ Go Micro-Go Mix การสร้างเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และโลจิสติกส์-บิสซิเนสปาร์กขนาดเล็กใกล้เมือง ซึ่งจะกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 3.1 ล้านตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เช่น บางนา บางพลี ลาดกระบัง นวนคร วังน้อย พระนครศรีอยุธยา รวมถึงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ บริษัทยังมีโรงงานมาตรฐาน และคลังสินค้าสำเร็จรูปพร้อมให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการพื้นที่แบบเร่งด่วน เป้าหมายในการขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมสู่ 4 ล้าน ตร.ม. ภายในปี 2568 หรือตั้งเป้าขยายพื้นที่ 150,000-200,000 ตร.ม./ปี

นอกจากการลงทุนในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังเข้าไปลงทุนในธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าสำหรับเช่าในประเทศอินโดนีเซีย มีพื้นที่ให้บริการรวมกว่า 150,000 ตร.ม. และเมื่อปีที่ผ่านมาได้ขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมที่เมืองบินห์เยือง ประเทศเวียดนาม มีพื้นที่เช่าให้บริการกว่า 100,000 ตร.ม.

“ปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 800 ไร่ ก็จะมาเน้นธุรกิจอาคารอุตสาหกรรม เพราะหลังโควิด-19 คลังสินค้าจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นหัวใจของธุรกิจการค้าระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค (New Center of Gravity) ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในระยะสั้น เพื่อให้สามารถตอบรับกับความต้องการใหม่เหล่านี้ และต้องสามารถสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว ที่ผ่านมาเรามีรายได้จากค่าเช่า 5,000 ล้านบาท ปีนี้ก็คงโตขึ้น 10% เราสะสมพื้นที่แลนด์แบงก์ไว้มากมันคือข้อได้เปรียบของเรา”