ทริสเรทติ้งเชื่อมั่น “บีซีพีจี” คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้บีซีพีจี ที่ระดับ A- แนวโน้ม “Stable” หรือคงที่ สะท้อนถึงรายได้ที่มั่นคง มีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีการกระจายตัวดีและมีความหลากหลายของแหล่งพลังงาน รวมถึงเป็นแฟลกชิปของกลุ่มบางจากที่รองรับความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เดินหน้าเปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการยาบูกิ ในญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องตามแผน
วันที่ 20 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทั้งนี้ นายนิวัติ อดิเรกได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ จังหวัดฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ร้อยละ 100 ตามแผนที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
ซึ่งโรงไฟฟ้านี้ มีกำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้า 20 เมกะวัตต์ กับบริษัท โตโฮกุ อิเล็คทริค เพาเวอร์ จำกัด (Tohoku Electric Power Company) ภายใต้การลงทุนแบบทีเค สัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีราคารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff (FIT) ที่ 36 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ภายใต้ระยะเวลาสัญญา 20 ปี
“สัญญาการขายไฟฟ้าดังกล่าว เป็นสัญญาระยะยาว และขายให้หน่วยงานไฟฟ้าหลักของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกระแสรายได้หลักที่มั่นคงเพิ่มเติมอีกแหล่งหนึ่ง และบริษัทมีความมั่นใจว่าจากประสบการณ์การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในสาธารณรัฐไต้หวัน ทั้ง 469 เมกะวัตต์ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย” นายนิวัติกล่าว
ล่าสุดทางสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยังคงให้ความเชื่อมั่นในบริษัทและหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือกรีนบอนด์ ที่บริษัทออกจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว โดยยังคงอันดับเครดิต ที่ A- แนวโน้ม “Stable” โดยการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวเป็นผลจากมุมมองของทริสเรทติ้งที่เห็นว่าบริษัทมีรายได้ที่มั่นคง และมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีการกระจายตัวเป็นอย่างดีโดยมีความหลากหลายของแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าของบีซีพีจีทุกแห่งมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว ให้กับหน่วยงานการไฟฟ้าของรัฐบาล หรือการไฟฟ้าหลักของประเทศนั้น ๆ โดยปัจจุบันบีซีพีจีมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังน้ำ อยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งโครงการใน สปป.ลาว จะเริ่มขายไฟฟ้าผ่านสายส่งไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามปลายปีนี้
“ทริสเรทติ้งมองว่ากลยุทธ์การลงทุนของบริษัทที่มีการกระจายตัวที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงให้แก่บริษัท ทั้งในส่วนของประเทศที่เข้าไปลงทุนและแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือและพึ่งพาได้ นอกจากนี้การคงอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานการไฟฟ้าภาครัฐหรือหน่วยงานสาธารณูปโภคในภูมิภาคของประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุน” นายนิวัติกล่าว
สำหรับการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทำให้บริษัทได้รับเงินจากการขายดังกล่าวจำนวนประมาณ 14,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับกระแสเงินคงเหลือ ทำให้บริษัทมีเงินสดรวมทั้งสิ้น ประมาณ 25,000 ล้านบาท สามารถนำไปขยายการลงทุนในโครงการต่าง ๆ และสร้างการเติบโตในอนาคตตามแผนกลยุทธของบริษัทที่ได้มีการวางแผนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังมองว่าบีซีพีจีเป็นหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในเครือของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนกลยุทธ์ของกลุ่มในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน และมีกระแสเงินสดที่มีความมั่นคง รองรับความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน อีกทั้งยังเป็นธุรกิจหลักที่สนับสนุนกลุ่มบางจากฯ สำหรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ปัจจุบันบีซีพีจีมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟ รวม 89.7 เมกะวัตต์ การเปิดดำเนินการของโครงการยาบูกินี้ ทำให้บริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว รวมเป็น 79.7 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา อีกจำนวน 10 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2566