บีซีพีจีขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการยาบูกิ ญี่ปุ่น “ทริส” คงอันดับเครดิต A-

ภาพประกอบข่าวบีซีพีจี BCPG

ทริสเรทติ้งเชื่อมั่น “บีซีพีจี” คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้บีซีพีจี ที่ระดับ A- แนวโน้ม “Stable” หรือคงที่ สะท้อนถึงรายได้ที่มั่นคง มีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีการกระจายตัวดีและมีความหลากหลายของแหล่งพลังงาน รวมถึงเป็นแฟลกชิปของกลุ่มบางจากที่รองรับความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เดินหน้าเปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการยาบูกิ ในญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องตามแผน

วันที่ 20 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทั้งนี้ นายนิวัติ อดิเรกได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ จังหวัดฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ร้อยละ 100 ตามแผนที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว

นิวัติ อดิเรก
นิวัติ อดิเรก

ซึ่งโรงไฟฟ้านี้ มีกำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้า 20 เมกะวัตต์ กับบริษัท โตโฮกุ อิเล็คทริค เพาเวอร์ จำกัด (Tohoku Electric Power Company) ภายใต้การลงทุนแบบทีเค สัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีราคารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff (FIT) ที่ 36 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ภายใต้ระยะเวลาสัญญา 20 ปี

“สัญญาการขายไฟฟ้าดังกล่าว เป็นสัญญาระยะยาว และขายให้หน่วยงานไฟฟ้าหลักของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกระแสรายได้หลักที่มั่นคงเพิ่มเติมอีกแหล่งหนึ่ง และบริษัทมีความมั่นใจว่าจากประสบการณ์การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในสาธารณรัฐไต้หวัน ทั้ง 469 เมกะวัตต์ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย” นายนิวัติกล่าว

ล่าสุดทางสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยังคงให้ความเชื่อมั่นในบริษัทและหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือกรีนบอนด์ ที่บริษัทออกจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว โดยยังคงอันดับเครดิต ที่ A- แนวโน้ม “Stable” โดยการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวเป็นผลจากมุมมองของทริสเรทติ้งที่เห็นว่าบริษัทมีรายได้ที่มั่นคง และมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีการกระจายตัวเป็นอย่างดีโดยมีความหลากหลายของแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าของบีซีพีจีทุกแห่งมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว ให้กับหน่วยงานการไฟฟ้าของรัฐบาล หรือการไฟฟ้าหลักของประเทศนั้น ๆ โดยปัจจุบันบีซีพีจีมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังน้ำ อยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งโครงการใน สปป.ลาว จะเริ่มขายไฟฟ้าผ่านสายส่งไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามปลายปีนี้

“ทริสเรทติ้งมองว่ากลยุทธ์การลงทุนของบริษัทที่มีการกระจายตัวที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงให้แก่บริษัท ทั้งในส่วนของประเทศที่เข้าไปลงทุนและแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือและพึ่งพาได้ นอกจากนี้การคงอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานการไฟฟ้าภาครัฐหรือหน่วยงานสาธารณูปโภคในภูมิภาคของประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุน” นายนิวัติกล่าว

สำหรับการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทำให้บริษัทได้รับเงินจากการขายดังกล่าวจำนวนประมาณ 14,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับกระแสเงินคงเหลือ ทำให้บริษัทมีเงินสดรวมทั้งสิ้น ประมาณ 25,000 ล้านบาท สามารถนำไปขยายการลงทุนในโครงการต่าง ๆ และสร้างการเติบโตในอนาคตตามแผนกลยุทธของบริษัทที่ได้มีการวางแผนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังมองว่าบีซีพีจีเป็นหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในเครือของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนกลยุทธ์ของกลุ่มในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน และมีกระแสเงินสดที่มีความมั่นคง รองรับความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน อีกทั้งยังเป็นธุรกิจหลักที่สนับสนุนกลุ่มบางจากฯ สำหรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)


ปัจจุบันบีซีพีจีมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟ รวม 89.7 เมกะวัตต์ การเปิดดำเนินการของโครงการยาบูกินี้ ทำให้บริษัทมีโรงไฟฟ้าพลังงงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว รวมเป็น 79.7 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา อีกจำนวน 10 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2566