ปศุสัตว์รับหมูแพงจากมรสุมต้นทุนอาหารสัตว์ ค่าขนส่งสะท้อนตามกลไกตลาด

หมู
Photo by RONALDO SCHEMIDT / AFP

ปศุสัตว์ย้ำชัดคุมโรค ASF หมูได้ในวงจำกัด แนะเกษตรกรทำระบบปลอดภัยทางชีวภาพ กำจัดแมลงและสัตว์พาหะ ชี้ราคาสุกรปรับขึ้นจากสารพัดปัจจัยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังต้องนำเข้า ค่าขนส่ง สะท้อนตามกลไกตลาด

​วันที่ 22 เมษายน 2565 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงกรณีมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อออนไลน์ว่าราคาหมูพุ่งอีกครั้ง โดยมีแนวโน้มราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละมีการปรับขึ้นราคาจากช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกกิโลกรัมละ 5 บาท โดยมีราคาจำหน่ายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มประจำวันพระที่ 16 เมษายน 2565 ที่กิโลกรัมละ 96-98 บาท และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ ราคาสุกรมีชีวิตในประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่มีราคาระดับสูงที่สุดในโลก เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและจากสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) นั้น

​”ราคาสุกรที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากทวีปยุโรปซึ่งกำลังประสบปัญหาสภาวะสงครามในประเทศยูเครน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอาหารและน้ำมันที่สำคัญของโลกรวมทั้งประเทศไทย

ต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น การลงทุนในการทำระบบการป้องกันโรคระบาดในฟาร์ม การพักคอกและการปรับปรุงเพื่อเตรียมความพร้อมระบบการเลี้ยงก่อนการนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ของเกษตรกรรายเล็ก รายย่อยส่งผลให้เกิดการขาดแคลนปริมาณเนื้อสุกรในตลาด ประกอบกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นภายหลังจากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว รวมถึงปัจจัยด้านสภาพอากาศร้อนอาจทำให้สุกรเติบโตช้า”

ดังนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาเนื้อสุกรมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มคลี่คลายจนกว่าผลผลิตสุกรรอบใหม่จะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง และราคาเนื้อสุกรจึงจะปรับราคาลดลง สำหรับสถานการณ์ของโรค ASF นั้น นับแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศไทยในวันที่ 10 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

จากการควบคุมและดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อเนื่องในทุกพื้นที่ สถานการณ์เริ่มคลี่คลายดีขึ้น จนถึงปัจจุบันสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว โดยกรมปศุสัตว์ได้กำหนดแนวทางฟื้นฟูเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อย-รายเล็ก กำหนดหลักเกณฑ์การนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ และมีแผนการเพิ่มผลผลิตสุกรพันธุ์ดีเพื่อจำหน่ายให้แก่พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรต่อไป

​ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่จะนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่เพื่อตรวจประเมินระบบการป้องกันโรคของฟาร์มสุกร รวมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรในการเป็นเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคระบาดในสุกรเพื่อสามารถควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในวงจำกัด ยกระดับความปลอดภัยทางชีวภาพ กำจัดแมลงและสัตว์พาหะในฟาร์ม

และขอให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากกรมปศุสัตว์ ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการบริโภคเนื้อสุกรขอให้เลือกซื้อเนื้อสุกรที่มาจากแหล่งผลิตและผู้จำหน่ายที่ได้รับสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” และต้องนำมาปรุงสุกทุกครั้งก่อนการบริโภคเพื่อสุขอนามัยที่ดีและขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการบริโภคเนื้อสุกร ไม่ต้องตื่นตระหนกกับข่าวสารที่มีข้อมูลไม่แน่ชัด