หมูแพงอีกแล้ว! ผู้เลี้ยงปรับราคาขึ้น 8-10 บาท/กิโล ภาคเหนือแพงสุด

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ปรับขึ้นราคาหน้าฟาร์ม 2-5 บาท หมูเนื้อแดงพุ่งปรี๊ดกก. 8-10 บาท ภาคเหนืออ่วมสุด ราคากก.ละ 192 บ. มีผลตั้งแต่ 1 เม.ย. 65 อ้างต้นทุนอาหารสัตว์แพง เดินเกมกดดันรัฐเปิดนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์เสรี

วันที่ 2 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รายงานข้อมูลสภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม (สัปดาห์ที่ 13/2565) ประจำวันพระที่ 1 เมษายน 2565 มีการปรับขึ้นราคาสุกรหน้าฟาร์ม ทุกภาค จากวันพระที่ 25 มีนาคม 2565 ที่จำหน่ายกก.ละ 88-91 บาท เป็น 92-96 บาทหรือขึ้นราคาตั้งแต่ กก.ละ2-5บาทตามแต่ละภูมิภาค โดยภาคตะวันตก ปรับจาก 88 เป็น 92 บาท ภาคตะวันออก ปรับจาก 90 เป็น 94 บาท ภาคอีสาน ปรับจาก 90 เป็น 92 บาท ภาคเหนือ ปรับจาก 91 เป็น 96 บาท และภาคใต้ จาก 90 เป็น 92 บาท

ขณะที่ราคาขายปลีกปรับขึ้นจากเดิม กก.ละ 174-182 บาท เป็น 182-192 บาท หรือปรับขึ้น กก.ละ 8 – 10 บาท ตามแต่ละภูมิภาค โดยภาคเหนือปรับขึ้นสูงสุด กก.ละ 10 บาท จาก 180-182 เป็น 190-192 บาท

ส่วนภาคตะวันตก ปรับจาก 174-176 เป็น182-184 บาท ภาคตะวันออก ปรับจาก 178-180 เป็น 186-188 บาท ภาคอีสาน ปรับจาก 178-180 เป็น 182-184 บาท และภาคใต้ จาก 178-180 เป็น 182-184 บาท

ส่วนราคาลูกสุกรขุนเล็ก 16 กิโลกรัม วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 : 3,000 บาท บวกลบ 88 บาท

โดยสาเหตุที่ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องทะยอยขยับราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มตามต้นทุนการเลี้ยงที่ยังสูงกว่าราคาจำหน่าย ขณะที่แนวโน้มความต้องการบริโภค ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะปัจจัยบวกให้ความต้องการบริโภคมากขึ้นด้วย

“ต้นทุนอาหารสัตว์ที่รอการตัดสินใจของภาครัฐที่แทบไม่มีทางเลือก เหลือเพียงการลดข้อจำกัดในการนำเข้าข้าวโพดตามกรอบ WTO ที่ควรนำเข้าจากประเทศผู้ผลิตใหญ่จากสหรัฐอเมริกา บราซิล หรือ อาร์เจนตินาได้อย่างเสรี หรือ กำหนดปริมาณก็ตาม ก็จะทำให้มีทางเลือกเพิ่ม ในการจัดหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ”

ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์ไล่ราคาตามซื้อข้าวโพดภายในประเทศที่มีจำนวนจำกัด ทำให้ภาคอาหารสัตว์ ภาคปศุสัตว์ในช่วงวิกฤต ต้องแบกต้นทุนหนักขึ้น การปรับราคาจำหน่ายปลีกตามต้นทุนทำได้ไม่มาก เพราะแรงซื้อของตลาดชิ้นส่วนเนื้อสุกรต้องค่อยเป็นค่อยไป