คอรัล ไลฟ์ ชูนวตกรรมอาคารประหยัดพลังงาน ร่วมโปรเจ็กต์โรงแยกก๊าซที่ 7 ปตท.   

“คอรัล ไลฟ์”  ชูนวตกรรมอาคารประหยัดพลังงาน  รับเทรนด์เศรษฐกิจสีเขียว ขยายตลาดอาเซียน หลังได้รับเลือกเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานในโครงการโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 7 ของ ปตท.    มั่นใจช่วยลูกค้าประหยัดพลังงาน สะสมคาร์บอนเครดิต 

วันที่ 29 มิถุนายน 2565  นาย เจมส์ ดูอัน ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท คอรัล โฮลดิ้ง จำกัด และนายเทพฤทธิ์  ทิพย์ชัชวาลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอรัล ไลฟ์  จำกัด ร่วมกันเปิดตัวนวตกรรมอาคารประหยัดพลังงาน หลังบริษัทได้รับเลือกเป็นผู้ก่อสร้างอาคารสำนักงานในโครงการโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 7 ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาบตาพุด จ.ระยอง  

ทั้งนี้บริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ไปป์ไลน์   (CPP)  ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซ  ซึ่งได้รับเลือกจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้เป็นผู้สร้างโครงการโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 7   ได้เลือกให้ บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด เป็นผู้รับเหมางานออกแบบทางสถาปัตยกรรม ระบบอาคารที่ประหยัดพลังงาน และก่อสร้างอาคาร  

นาย เทพฤทธิ์  ทิพย์ชัชวาลวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอรัล ไลฟ์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2560 โดยช่วง 3 ปีแรก บริษัทใช้เวลาและลงทุนไปกับการทำวิจัยและพัฒนา   ติดต่อพูดคุยกับนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเรื่อง Material Science  เรื่องอากาศ    ศึกษาเทคโนโลยีของญี่ปุ่นและยุโรป   จนทำงานร่วมกับสถาบัน Passive House   ประเทศเยอรมนี สถาบันที่ได้รับการยอมรับในเรื่องอาคารประหยัดพลังงานและคุณภาพอากาศภายใน

นายเทพฤทธิ์กล่าวว่า การสร้างอาคารประหยัดพลังงานขนาด  2,460 ตารางเมตรในโรงแยกก๊าซหน่วยที่7 นี้  จะสามารถลดจำนวนปริมาณ BTU  ได้ 84%  จาก 3,109,600 BTU  หากเป็นการสร้างอาคารแบบ Conventional จะเหลือเพียง 506,000 BTU  และการใช้พลังงานไฟฟ้าลดจาก 1,497,397 kwh/year เหลือ 379,008 kwh/year หรือลดลง 75% ถ้าคิดเป็นเงินก็ประมาณ 4,700,000 บาทต่อปี 

นอกจากนั้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังสามารถสะสมคาร์บอนเครดิต  525.6 TONต่อปี ถ้าคำนวณตามราคาซื้อขายที่ตลาดยุโรปก็จะได้ประมาณ 1,549,971 บาทต่อปี อาคารหลังนี้ก็จะได้รับการรับรองมาตรฐานของ Passive House ของประเทศเยอรมนี 

 นายเทพฤทธ์ กล่าวต่อว่า คอรัล ไลฟ์เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อเข้าสู่ Green Economy โดยเป็นผู้ออกแบบและติดตั้งโทเทิลโซลูชั่น   สำหรับอาคารและบ้านพักอาศัยทุกประเภท ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างอยู่ 5 โครงการ

โดยปี2564 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้  55 ล้านบาท และในปี 2565 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท และมี Backlog อีกประมาณ 300 ล้านบาท และเชื่อว่าโมเดลธุรกิจของบริษัทในการเน้นการสร้างความร่วมมือกับผู้ออกแบบ ผู้รับเหมา ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและอากาศ จะทำให้เราสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน 

พร้อมกันนี้บริษัทมีเป้าหมายขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซี่ยน เนื่องจากเป็นรายแรกในประเทศเขตร้อนชื้น ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานของสถาบัน Passive House     รวมทั้งได้ร่วมมือกับผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างให้เป็นผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซี่ยน