ปศุสัตว์จับมือเอกชนดันส่งออกไข่ไก่ 58 ล้านฟอง ตัดปัญหาราคาตก ไข่ล้นตลาด

ปศุสัตว์จับมือเอกชนดันส่งออกไข่ไก่ 58 ล้านฟอง หวังพยุงราคาให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อย พร้อมแจงมาตรการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด ราคาตกต่ำ สวนทางต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น เร่งปลดไก่ไข่เกินอายุ

วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยได้ร้องเรียนว่าเกิดปัญหาผลผลิตไข่ไก่ล้นตลาดตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่เดือดร้อนเนื่องจากราคาไข่ไก่ที่ตกต่ำลง

โดยพบว่าราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มต่ำกว่า 2.80 บาทต่อฟองในหลายพื้นที่ สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทั้งค่าอาหารสัตว์และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จากสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครน เฉลี่ยอยู่ที่ 3.02 บาทต่อฟอง ในเดือนมิถุนายน 2565 และได้ร้องขอให้กรมปศุสัตว์เร่งรัดผู้เลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่ดำเนินกิจกรรมเพื่อพยุงราคาไข่ไก่ในตลาดภายในประเทศนั้น

นายสัตวแพทย์สรวิศกล่าวว่า กรมได้มีการประชุมหารือร่วมกับภาคเอกชนผู้ผลิตไข่ไก่ ทั้งรายเล็ก รายกลางและรายใหญ่ พบว่าปัญหาดังกล่าวมีเหตุจากในช่วงที่ราคาไข่ไก่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้เลี้ยงไก่ไข่บางส่วนมีการลดการปลดไก่ไข่ลงจนกำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้นมากร่วมกับภาวะเศรษฐกิจที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค จึงได้มีการกำหนดมาตรการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ประกอบด้วย มาตรการขอความร่วมมือผู้ประกอบการเร่งปลดไก่ไข่ยืนกรงตามอายุที่เหมาะสม ไม่เกิน 80 สัปดาห์ และมาตรการขอความร่วมมือผู้ประกอบการไก่ไข่พันธุ์ (PS) จำนวน 16 ราย ร่วมกันผลักดันไข่ไก่ส่งออกหรือปลดไก่ไข่ยืนกรงก่อนกำหนดทดแทน เป้าหมายเพื่อลดปริมาณไข่ไก่ภายในประเทศจำนวน 58 ล้านฟอง ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2565

นายสัตวแพทย์สรวิศกล่าวอีกว่า ซึ่งปัจจุบันสามารถดำเนินการลดปริมาณไข่ไก่ในตลาดภายในประเทศแล้วจำนวน 40.34 ล้านฟอง คิดเป็น 68.94% พบว่าจากผลการดำเนินการดังกล่าว ประกอบกับการปลดไก่ไข่ยืนกรงอายุเกินอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการ ส่งผลให้สถานการณ์ไข่ไก่ล้นตลาดเริ่มคลี่คลาย

กระทั่งสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่หลายแห่งมีการประกาศราคาไข่ไก่คละ ณ หน้าฟาร์มเกษตรกร ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ 3.20 บาทต่อฟอง จึงขอขอบคุณความร่วมมือของผู้ผลิตไข่ไก่และผู้ประกอบการไก่ไข่พันธุ์ที่เข้าร่วมกิจกรรมรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่จนสถานการณ์ไข่ไก่ล้นตลาดเริ่มคลี่คลาย และปริมาณการผลิต การบริโภคเริ่มกลับสู่สมดุลอีกครั้ง


นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวว่า ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะและประสานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการให้มีความเหมาะสม ตามนโยบายผู้บริโภคต้องไม่เดือดร้อนและเกษตรกรต้องอยู่ได้ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป