วิกฤตศรีลังกาสะเทือนส่งออก ทูตพาณิชย์เตือนรับมือค้างจ่ายค่าสินค้า

ศรีลังกา

 

ทูตพาณิชย์ไทยเตือนเอกชนรับมือวิกฤตศรีลังกา กระทบการชำระเงินค่าสินค้า คาด ศก.ชะลอ ประชาชนรัดเข็มขัด น้ำมัน-สินค้าจำเป็นขาดแคลน ล่าสุดเอฟทีเอไทย-ศรีลังกาชะงักหลังเจรจาไป 2 รอบ

นางหทัยชนก สีวะรา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองเจนไน ประเทศอินเดีย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ภายหลังจากสถานการณ์วิกฤตการเมืองภายในศรีลังกาว่า ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับศรีลังกาขณะนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังและต้องวางแผนในการทำธุรกิจอย่างรอบคอบ เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงน่ากังวล

ธุรกิจจำนวนมากต้องชะลอหรือปิดกิจการ ผู้นำเข้าส่วนใหญ่ขาดเงินตราระหว่างประเทศ และผู้ส่งออกประเทศต้นทางก็ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ เนื่องจากตราสารเครดิตได้รับการอนุมัติจากธนาคารและล่าช้ากว่ากำหนด ส่วนความช่วยเหลือที่มีความเป็นไปได้ที่ภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะส่งมอบให้กับศรีลังกา ในเวลานี้คือการจัดส่งยาเวชภัณฑ์ที่จำเป็น

“สิ่งที่น่าจับตาจากนี้คือ การกระทบกระทั่งระหว่างผู้รอคิวน้ำมัน เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่พยายามเก็บน้ำมันไว้ เพราะรายงานข่าวระบุว่าน้ำมันจะยังไม่เข้ามาจนถึง 22 ก.ค.นี้ ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อน นอกจากนี้ สถานการณ์ราคาสินค้าก็แพงขึ้น ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายซื้อสินค้า จะซื้อสิ่งที่จำเป็นที่สุด ทั้งยังติดตามปริมาณ เช็กสต๊อกสินค้าบ่อย พบว่ามีสินค้าบางอย่างขาดแคลน เช่น ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ร้านค้าทั่วไปได้ปิดและจำกัดเวลาจำหน่าย”

ก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลศรีลังกาออกมาตรการดูแลสถานการณ์ ประกอบด้วย 1.การจำกัดการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น 367 รายการ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหาร ทั้งนี้ เพื่อสำรองเงินเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนสินค้า 2.การนำเข้าสินค้าเน้นสินค้าที่จำเป็น โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง อาหาร 3.ตัดไฟฟ้าในกรุงโคลัมโบ วันละ 7-10 ชั่วโมง เนื่องจากน้ำมันไม่พอต่อการผลิต 4.มาตรการชั่วคราว เช่น ให้ข้าราชการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ปิดโรงเรียนชั่วคราว

แม้ว่าจะเป็นการประหยัด แต่ก็ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วย 5.ขอรับการช่วยเหลือจากอินเดีย ซึ่งได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการนำเข้าเชื้อเพลิงและสินค้าจำเป็น และอยู่ระหว่างการเจรจาขอเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มูลค่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทย-ศรีลังกา ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) 2565 มูลค่า 151.85 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15.58% ไทยส่งออก มูลค่า 117.86 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 22.73% และนำเข้า มูลค่า 33.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.30% ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 88.87 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ผ้าผืน เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น

รายงานข่าวระบุว่า ไทยได้มีการริเริ่มการเจรจาจัดทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา (SLTFTA) เมื่อปี 2559 และเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2561 ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีศรีลังกา ได้ประกาศเปิดการเจรจา SLTFTA อย่างเป็นทางการ โดยมีการเจรจาเอฟทีเอไปแล้ว 2 รอบ คือ วันที่ 13 ก.ค. 2561 และวันที่ 19-21 ก.ย. 2561 ซึ่งได้หารือแลกเปลี่ยนร่างบทความตกลงฯ 11 ข้อบท จาก 14 ข้อบท ครอบคลุมทั้งการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

แต่ต้องเลื่อนการเจรจาครั้งที่ 3 ซึ่งกำหนดไว้ ณ กรุงโคลัมโบ อย่างไม่มีกำหนด จากปัญหาภายในของศรีลังกา ทั้งนี้ ศรีลังกาเป็นประเทศที่อยู่ในยุทธศาสตร์กลางมหาสมุทรอินเดีย และยังอยู่ในยุทธศาสตร์สำคัญในข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีน โดยมีท่าเรือโคลัมโบเป็นท่าเรือสำคัญ ซึ่งหากเจรจาสำเร็จจะช่วยสร้างโอกาสให้ไทยสามารถขยายการค้าและการลงทุนไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ได้