ครม. สั่งลดค่าเทอม สถาบันรัฐ-เอกชน พร้อมร่วมสมทบส่วนลดให้

ภาพ: ศธ.360 องศา

ครม. สั่งลดค่าเทอมทั้งสถาบันรัฐ-เอกชนในภาคเรียนที่ 1 ปี 64 เป็นกรณีพิเศษ และสั่ง ศธ.-อว. เตรียมโครงการให้รัฐร่วมสมทบภาระส่วนลดให้กับสถานศึกษา เพื่อพิจารณาภายใน 1 สัปดาห์

วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 เห็นชอบในหลักการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบการ อันเนื่องมาจากข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27)

โดยในส่วนของการศึกษาได้ให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หารือกับสถานศึกษาในสังกัด เพื่อกำหนดแนวทางการลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เช่น พิจารณาให้ส่วนลดเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เป็นกรณีพิเศษ

เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้สถานศึกษาส่วนใหญ่ไม่สามารถจัดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติได้ ส่งผลให้ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายในการศึกษาผ่านรูปแบบออนไลน์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

ซึ่งที่ผ่านมา ศธ. และ อว. ได้มีการประกาศให้สถานศึกษาภาครัฐพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ในการให้ส่วนลดเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เป็นกรณีพิเศษ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครองตามความจำเป็นและความเหมาะสมแล้ว

แต่เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือภายใต้มาตรการดังกล่าวมีความครอบคลุมสถานศึกษาของเอกชนด้วย มติ ครม. จึงเห็นควรมอบหมายให้ ศธ. และ อว. หารือกับสถานศึกษาในสังกัดเพื่อกำหนดแนวทางการลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา อาทิ พิจารณาให้ส่วนลดเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เป็นกรณีพิเศษ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครองตามความจำเป็นและความเหมาะสม

พร้อมทั้งมอบหมายให้ ศธ. และ อว. จัดทำข้อเสนอโครงการในลักษณะที่กำหนดให้รัฐร่วมสมทบภาระส่วนลดให้แก่สถานศึกษาบางส่วน เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป โดยให้รายงานข้อสรุปแนวทางการดำเนินการและวงเงินที่จะใช้ดำเนินการภายใน 1 สัปดาห์

นอกจากนี้ ในกรณีที่สถานศึกษาภาคเอกชนประสบปัญหาทางการเงิน เห็นควรให้ ศธ. และ อว. รวบรวมข้อมูลปัญหาและความต้องการดังกล่าว และหารือร่วมกับกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ในการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาทางการเงินให้แก่สถานศึกษาภาคเอกชนที่มีความเหมาะสมต่อไป