แม้ว่าโลกปัจจุบันจะปรากฏแต่เรื่องราวในมุมลบ ผ่านการนำเสนอข่าวจากทั่วโลก ตั้งแต่ข่าวภัยธรรมชาติจนไปถึงสงครามในทุกรูปแบบ ทว่า “บิล เกตส์” มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของโลก หรือที่หลายคนรู้จักในฐานะเจ้าพ่อ “ไมโครซอฟท์” กลับมีมุมมองที่ต่างออกไป โดยยืนยันว่า “โลกนั้นกำลังจะดีขึ้น” ผ่านตัวหนังสือใน “นิตยสารไทม์” เป็นครั้งแรกกับบทบาทการเป็น “บรรณาธิการรับเชิญ”
บิล เกตส์ ได้รับเชิญให้เป็นบรรณาธิการในนิตยสารไทมส์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งนิตยสารมา 94 ปี โดยได้วางคอนเซ็ปต์ของนิตยสารฉบับนี้ภายใต้แนวคิด “The Optimist” หรือ “บุคคลที่มองโลกในแง่บวก”
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
บทบรรณาธิการของ “บิล เกตส์” นำเสนอว่า การอ่านข่าวทุกวันนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าอยากจะมองโลกในแง่ดีอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของพายุเฮอริเคนที่สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับสหรัฐอเมริกา, เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง, ความตึงเครียดจากเรื่องอาวุธนิวเคลียร์, ปัญหายาวที่เกิดขึ้นในเมียนมา รวมถึงมหากาพย์สงครามในซีเรียและเยเมน สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้เกิดความกลัวและหวาดระแวงขึ้นภายในจิตใจ
อย่างไรก็ตาม เกตส์เชื่อว่าโลกกำลังจะดีขึ้น และส่วนดีหลงเหลืออยู่ก็คือ ผลกระทบจากเหตุร้ายไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน และไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อลม ๆ แล้ง ๆ แต่เกตส์มีข้อมูลตัวเลขมาสนับสนุน ที่ว่าตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา จำนวนเด็กที่ตายก่อนอายุ 5 ปี ลดลงกว่าครึ่งภายในสี่ศตวรรษ ส่งผลให้มีเด็กรอดชีวิตถึง 122 ล้านคน รวมถึงประชากรกว่า 1 ใน 3 ที่เคยอาศัยด้วยความยากจน ปัจจุบันลดเหลือเพียง 1 ใน 10
ขณะที่ศตวรรษที่ผ่านมา มีราว 20 ประเทศทั่วโลกที่มีกฎหมายให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ และกว่า 100 ประเทศทั่วโลกเปิดกว้างให้ผู้หญิงมีบทบาทในตำแหน่งการเมือง ทั้งยังมี 1 ใน 5 ที่ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐสภาแห่งชาติในปัจจุบัน นอกจากนี้โลกยังรับฟังเสียงของสิทธิสตรีมากขึ้น เมื่อผู้หญิงเจอเหตุการณ์คุกคามทางเพศ รวมถึงกว่า 90% ของประชากรเด็กได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษา
“ผมไม่ได้พยายามจะลดความสำคัญหรือเพิกเฉยต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เพียงแต่พยายามที่จะสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้ทุกคนคิดบวกมากขึ้น ซึ่งมันจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้า”
นอกจากนี้ บิล เกตส์ ยังระบุอีกว่า ตามธรรมชาติของข่าวคนจะฟังและรับรู้ถึง “ข่าวร้าย” มากกว่า “ข่าวดี” เห็นได้จากหลาย ๆ กระแสที่ขึ้นพาดหัวข่าวในแง่ลบต่อความรู้สึกจะได้รับความสนใจมากกว่า
“ช่องว่างระหว่างเหตุการณ์ร้ายกับความอดทนของคนก็ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาที่ไม่น่าพึงพอใจตามความคาดหวังจะทำให้มนุษย์เริ่มรู้สึกว่าโลกกำลังแย่ลง แต่บางทีหากเราต้องการปฏิรูปโลกใบนี้ ข่าวร้ายก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องรับรู้”
นิตยสารไทม์ฉบับพิเศษนี้ บิล เกตส์ ยังใช้โอกาสการเป็นบรรณาธิการ เชิญให้ผู้ทรงคุณวุฒิท่านอื่นมาเป็นคอลัมนิสต์เขียนบทความเกี่ยวกับการทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น อย่างเช่น “วอร์เรน บัฟเฟตต์” อีกหนึ่งมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกกับตำแหน่งซีอีโอ Berkshire Hathaway ที่นำเสนอเรื่อง “อัจฉริยภาพของชาวอเมริกัน” โดยให้มุมมองในเรื่องของความเพียบพร้อมของสหรัฐ ทั้งนโยบายการเป็นผู้นำการเมือง อนาคตของเด็กอเมริกันที่ได้รับการยอมรับในสากลโลก รวมถึงประโยชน์จากผู้ลี้ภัยมากกว่าเสีย
โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมที่ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 1.2% ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีแนวโน้มที่ดีในการปรับเพิ่มรายได้ประชากรต่อหัว จากปัจจุบันอยู่ที่ 59,000 ดอลลาร์ สู่ 79,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสิ่งการันตีได้ถึงอนาคตที่สดใสของอเมริกา
ส่วนเรื่อง “ความเท่าเทียมทางเพศ” เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ในฉบับนี้ โดยมีผู้เขียนถึง 3 ท่าน ได้แก่ โบโน นักร้องนำวง U2, มาลาลาห์ ยูซัฟซัย สาวน้อยชาวปากีสถานวัย 17 ปี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี 2014 รวมทั้ง “เมลินดา เกตส์” คู่ชีวิตของเกตส์ ที่นำเสนอประเด็นในมุมต่าง ๆ จากประสบการณ์ตรง แต่มีใจความเพียงหนึ่งเดียวคือ “ผู้หญิง” กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันและมีบทบาทมากขึ้นสำหรับโลกในอนาคต
“เมลินดา เกตส์” ซึ่งเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเนื้อหาในนิตยสารฉบับนี้ ปิดท้ายเล่มด้วยการนำเสนอมุมของกลุ่มสตรีสามัญชนจากทั่วทุกมุมโลก ที่ลุกฮือขึ้นมาประท้วงเพื่อสิทธิสตรีหญิงมากขึ้น เช่น ประท้วงเพื่อกลุ่มแรงงานหญิง และเรียกร้องแคมเปญที่ปกป้องสิทธิสตรี ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง อาทิ ในประเทศปากีสถานและเอธิโอเปีย เป็นต้น