โครงการ ร้อยคน ร้อยโค้ช-

คอลัมน์ เอชอาร์คอร์เนอร์

โดย ดร.อัจฉรา จุ้ยเจริญ แอคคอมแอนด์อิมเมจ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ

ในฐานะที่เป็นโค้ชคนไทยคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในโค้ชร้อยคน ซึ่งคัดเลือกโดย “ดร.มาแชล โกลด์สมิท” กูรูด้านการโค้ช และการพัฒนาภาวะผู้นำระดับโลก ให้เข้าร่วมในโครงการหนึ่งร้อยโค้ช (MG 100) จากผู้สมัครจากทั่วโลกกว่า 12,000 คน ดิฉันจึงได้รับเชิญไปร่วมงานประชุมโค้ชผู้บริหาร จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารโลก (World Bank) วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2-3 ธันวาคมผ่านมา

สำหรับโครงการ MG 100 เป็นโครงการที่ริเริ่มโดย “ดร.มาแชล โกลด์สมิท” ผู้มีผลงานการโค้ช และการพัฒนาภาวะผู้นำที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เจ้าของรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ นับไม่ถ้วน เช่น โค้ชผู้บริหารอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา จาก INC Magazine, ผลงานดีเด่นจากการจัดอันดับ Thinkers 50 เป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอันดับหนึ่งที่ได้รับรางวัลมากมาย คือ หนังสือชื่อ What Got You Here Won’t Get You There เป็นต้น

ในโครงการนี้ “ดร.โกลด์สมิท” มีวัตถุประสงค์ คือ ต้องการคืนประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลัง (pay it forward) ที่ต้องการอุทิศความรู้ และประสบการณ์ในการพัฒนาภาวะผู้นำ องค์ความรู้ต่าง ๆ และการโค้ชผู้บริหารระดับสูงให้กับกลุ่มโค้ชหนึ่งร้อยคน โดยไม่หวังผลตอบแทน หรือคิดค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่มีพันธกิจว่าจะสนับสนุนให้โค้ชกลุ่มแรกนี้ส่งต่อความรู้ให้กับผู้อื่น เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์ต่อเนื่องไปในอนาคต

เกณฑ์การคัดเลือก “ดร.โกลด์สมิท” กล่าวว่า พิจารณาจากคุณสมบัติของโค้ชที่เลือกมาว่าเป็นผู้ที่สามารถสร้างความแตกต่าง และมุมมองใหม่ ๆ ในการอุทิศความรู้ได้

ดิฉันจึงแอบภูมิใจไม่น้อย ที่เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการระดับสากลนี้ อันที่จริง ดิฉันรู้จักและติดตามผลงานของ”ดร.โกลด์สมิท” มาตลอด แต่ไม่คิดว่าตนเองมีคุณสมบัติมากพอ จึงไม่ได้สมัครเข้ามาตอนคัดเลือก 15 คนแรก

แต่เมื่อได้พบ “ดร.โกลด์สมิท” ตอนท่านมาบรรยายในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคมผ่านมา ท่านกล่าวเชิญหลายครั้งให้สมัคร และเมื่อได้ทราบวัตถุประสงค์ว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ อีกทั้งได้เรียนรู้เพิ่มเติม จึงได้ตัดสินใจสมัครเข้าไป

งานประชุม MG 100 เมื่อวันที่ 2-3 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้รับเกียรติจากประธานของธนาคารโลก “ดร.จิม ยอง คิม” เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารโลก (World Bank) ที่วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดย “ดร.จิม ยอง คิม” ให้เกียรติเป็นเจ้าภาพ และได้กล่าวเปิดการประชุม และร่วมแบ่งปันความรู้ตลอดการประชุมทั้งสองวัน

นอกจากได้พบโค้ชเก่ง ๆ ที่มาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันแล้ว ดิฉันได้ฟังผู้บริหารที่มีความสนใจในการนำการโค้ชมาใช้ในการทำงาน และช่วยเหลือผู้อื่นหลายท่าน เช่น Mark Tercek ประธานและ CEO ของ The Nature Conservancy อดีตผู้บริหารจาก Goldman Sachs ได้ฟังบรรยายโดย “แซนดี้ อ็อค” ผู้ก่อตั้ง CEO.works อดีต CHRO (Chief Human Resources Officer) ของ Unilever (London) และได้ฟังการบรรยายเรื่อง Leading in the age of disruption โดย “Rob Nail” ซึ่งเป็น CEO ของ Singularity University จึงเก็บมาเล่าสู่กันฟัง

การประชุมครั้งนี้ “ดร.จิม ยอง คิม” ย้ำถึงเป้าหมายของธนาคารโลกในการขจัดความยากจน และการส่งเสริมการศึกษา โดยเปิดโอกาสให้โค้ชทุกคนชมภาพยนตร์ความเป็นมาของการต่อสู้เพื่อผู้ที่ขาดโอกาสในการได้รับการรักษาเยียวยาด้วยการแพทย์ที่ทันสมัย การสร้างศูนย์และระบบอนามัยให้ชุมชนดูแลตนเองได้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการนำความช่วยเหลือต่าง ๆ นี้ ต้องใช้ภาวะผู้นำสูงมาก เนื่องจากต้องโน้มน้าวคนหลากหลายกลุ่มให้อนุมัติเงินทุน และเสียงสนับสนุน

ในด้านการโค้ช “ดร.คิม” ได้ฝากให้โค้ชทุกคนให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาวะผู้นำ ที่ท่านมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ และการขาดภาวะผู้นำที่ดีเป็นเรื่องที่นำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ที่น่าเป็นห่วงอีกมากมายในโลกนี้

สำหรับ “แซนดี้ อ็อค” อดีต CHRO (Chief Human Resources Officer) ของ Unilever (London) บรรยายเรื่อง Linking Talent to Value โดยใช้กรณีศึกษาขององค์กรแห่งหนึ่ง เพื่อชี้ให้เห็นบทบาทหน้าที่ของ CEO ที่ดี และ CEO ที่สามารถสร้างคุณค่าให้องค์กรอย่างรวดเร็วได้นั้นเป็นอย่างไร

“แซนดี้” กล่าวว่า จากกรณีศึกษาของเขา CEO ที่มีชัยชนะมักมีกระบวนทัศน์ (mindset) กล่าวสั้น ๆ คือ bigger, fewer, start smaller and move faster หมายถึงสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ โฟกัสในเรื่องสำคัญที่สร้างคุณค่าให้องค์กร มากกว่าการโฟกัสไปที่หลายเรื่องมากจนเกินไป และเริ่มลงมือทำอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ เขาพบว่า CEO มักเผชิญปัญหาในการจัดวางคนเก่ง และคนที่เหมาะสมในตำแหน่งผู้นำทีมหลักที่มีความสำคัญมากต่อการสร้างคุณค่าที่องค์กรคาดหวัง

เขาเน้นย้ำว่าโค้ชผู้บริหารจำเป็นต้องเข้าใจว่า อะไรคือคุณค่าที่ CEO ต้องสร้างให้องค์กร และธุรกิจ ไม่ใช่มุ่งแต่เพียงจะโค้ชด้านพฤติกรรมเท่านั้น

การบรรยายที่น่าสนใจมาก ๆ จากผู้บริหารอีกคน คือ “ร็อบ เนล” CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Singularity University ซึ่งสถาบันนี้เน้นให้การศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้นำในการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ทันกับเทคโนโลยี เพื่อสร้างความได้เปรียบและการเติบโตอย่างรวดเร็ว และทวีคูณ ในหัวข้อ Leading in the age of disruption เขามีมุมมองว่าหากสังเกตเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ การปรับตัวของเราในปัจจุบันเป็นไปอย่างเชื่องช้าที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์

“ร็อบ” ได้ยกตัวอย่างเครื่องดื่ม Red Bull ว่า ปัจจุบันคู่แข่งคือเครื่องดื่มประเภทเดียวกันหรือใกล้เคียง แต่อีกไม่นาน คู่แข่งอาจไม่ใช่ผู้ที่มาจากธุรกิจเดียวกัน คู่แข่งอาจเป็น Waymo รถยนต์ไร้คนขับ หรือรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทั้งนี้ เนื่องจากในต่างประเทศ Red Bull ขายดีจากปั๊มน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม “ร็อบ” มีความเชื่อว่า เทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดจะทำให้ชีวิตของมนุษย์เราในอนาคตมีคุณภาพ และสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ด้านการแพทย์ สุขภาพ การศึกษา และอื่น ๆ เพียงแต่ช่วงการปรับตัวไปสู่สิ่งที่เรายังไม่มีความชัดเจน ทำให้เกิดความกลัว แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่เขาบรรยายสื่อถึงผลกระทบต่อองค์กรในด้านต่อไปนี้

-ในด้านยุทธวิธี (strategy) เราอยู่ในธุรกิจอะไรในปัจจุบัน และในอีก 5 ปีข้างหน้า และในอีก 20 ปีข้างหน้า

-ในด้านองค์กร (organization) วัฒนธรรมองค์กร บุคลากร และโครงสร้างองค์กร

-ภาวะผู้นำ (leadership) ทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นใน VUCA World

-การจัดการ (execution) การระดมทุน การสร้างความคิดใหม่ ๆ การทดลอง และการค้า

“ร็อบ” แนะนำทักษะที่คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องมี เพื่อความอยู่รอดในอนาคต มี 7 ข้อ คือ (1) การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการปรับตัว (continuous learning and adaptability), (2) ความสนใจอยากรู้อยากเห็น (curiosity), (3) การประสานความร่วมมือ (collaboration), (4) การคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking)

(5) ความกล้าหาญ และภาวะผู้นำ (courage/leadership), (6) compassion (ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น) และ (7) ความมุ่งมั่น เพียรพยายาม และความอึด (commitment/grit)

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ดิฉันได้รับความรู้จากการมาร่วมประชุมในครั้งนี้ คุ้มค่าอย่างยิ่งกับการเดินทางเกือบ 30 ชั่วโมง เพราะผู้ที่มาบรรยายทุกท่านมาด้วยใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะทุกท่านมีความชื่นชมในความตั้งใจที่จะแบ่งปันตามวิสัยทัศน์ของ “ดร.โกลด์สมิท”

แม้แต่ “ดร.จิม ยอง คิม” ซึ่งตอนจบได้เปิดวิดีโอเพลงที่แสดงการกล่าวขอบคุณ “ดร.โกลด์สมิท” จนทำให้หลายคนต่างน้ำตาไหลกันทั่วทั้งห้องประชุม


โครงการร้อยคน ร้อยโค้ช (MG 100) จะขยายต่อไปเพื่อให้โค้ชรุ่นเยาว์ได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และเพื่อให้มีความหลากหลายของเชื้อชาติ และวัฒนธรรมมากขึ้นกว่าเดิม ท่านที่สนใจยังสมัครเข้ามาได้ ข้อมูลดูได้ที่ https://www.aclc-asia.com/mg100thai