คอลัมน์ สตาร์ตอัพ “ปัญหา” ทำ “เงิน”
โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
ทุกวันนี้ ดอกเบี้ยเงินฝากมันช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนไม่แปลกที่ใคร ๆ ก็หันไปลงทุนในตราสารหนี้ กองทุน หุ้น พันธบัตร ทอง น้ำมัน และอื่น ๆ อีกจิปาถะ ด้วยหวังว่าจะได้กำไรคืนมาบ้าง ดีกว่าเอาเงินไปกองไว้ในแบงก์
แต่มันคงจะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่นอกจากจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากแล้ว ยังให้เราได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้อื่นให้มีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
อาจจะดูโลกสวยไปสักหน่อย แต่มันเกิดขึ้นแล้วโดยสตาร์ตอัพที่ชื่อว่า “CNote” ก่อตั้งโดย “แคท เบอร์แมน” ผู้คิดค้นกองทุนความเสี่ยงต่ำเพื่อสังคมขึ้นมา เพื่อจับตลาดคนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าแบงก์ ความเสี่ยงต่ำ และมีใจอยากช่วยสังคมโดยเฉพาะ
“แคท” ได้ไอเดียการก่อตั้งกองทุน CNote นี้มาจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ชี้ว่า มีประชากรกว่า 30 ล้านคนในอเมริกาที่มีเงินเก็บในธนาคารรวมกันกว่า 3 แสนล้านเหรียญ โดยส่วนมากจะเป็นเงินสำรอง “เผื่อเหตุฉุกเฉิน” ที่นอนกองจมฝุ่นอยู่ในแบงก์เป็นเวลานาน จนบางทีเจ้าของเองก็ยังลืม
ดังนั้น แทนที่จะปล่อยไว้กินดอกเบี้ยแค่ 0.6% แคทเลยนำเสนอ CNote ให้เป็นทางเลือกใหม่ของการออมระยะกลางในรูปแบบกองทุนที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.5% ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยธนาคารถึง 40 เท่า
โดย CNote จะเอาเงินที่ได้ทั้งหมดไปลงทุนในสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาชุมชน (Community Development Financial Institutions – CDFIs) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยพัฒนาสภาพเศรษฐกิจของชุมชนรายได้น้อย
งานหลักของ CDFIs คือ การออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ธุรกิจขนาดเล็กที่มักถูกปฏิเสธจากสถาบันการเงินทั่วไป หรือไม่ก็ลงทุนในโครงการพัฒนาต่าง ๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาส เช่น โครงการเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โครงการพัฒนาอาชีพสำหรับสตรีและชนกลุ่มน้อย
สาเหตุที่แคทเลือกลงทุนใน CDFIs ก็เพราะ CDFIs มีผลการดำเนินงานที่ดีตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ดูได้จากผลตอบแทนที่สถาบันการเงินที่ลงทุนในโครงการของ CDFIs ได้รับอย่างสม่ำเสมอ (เฉลี่ย 2.5%) และที่สำคัญคือ ทุกโครงการที่ CDFIs สนับสนุนล้วนเป็นโครงการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนสำหรับชุมชนที่ยากจนและผู้ด้อยโอกาส
ปัจจุบันในอเมริกา มี CDFIs กว่า 1,000 แห่งปล่อยเงินกู้เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก และโครงการพัฒนาไปแล้วกว่า 1 แสนล้านเหรียญ และมีการสร้างงานไปแล้วกว่า 1 ล้านตำแหน่ง โดย CDFIs ได้รับเงินทุนหลักมาจากกองทุน CDFIs Fund ของรัฐบาล และเงินลงทุนจากสถาบันการเงินต่าง ๆ
CNote เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยมีสิทธิ์ลงทุนในโครงการของ CDFIs โดยผู้สนใจสามารถเปิดบัญชีผ่านเว็บไซต์เหมือนการซื้อกองทุนทั่วไป โดยไม่มีขั้นต่ำ และนักลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกไตรมาส แต่เพื่อผลตอบแทนที่ดีและเพื่อเป้าหมายในการส่งเสริมโครงการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน CNote จึงแนะนำให้เป็นการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวมากกว่าการลงทุนแบบฉาบฉวย
CNote ได้รับการรับรองให้เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงสำหรับนักลงทุนทั่วไปโดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกา ถึงจะไม่สามารถรับประกันผลตอบแทนเป๊ะ ๆ เหมือนดอกเบี้ยเงินฝาก แต่สิ่งที่ทำเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนคือ ระบบคุ้มครอง 3 ชั้น ได้แก่
1) มีข้อตกลงพิเศษว่า CDFIs ต้องคุ้มครองเงินลงทุนของ CNote แบบเต็มจำนวนหากเกิดกรณีที่ลูกหนี้ของ CDFIs ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้ตามกำหนด 2) เงินลงทุนบางส่วนของ CDFIs นั้นได้รับการคุ้มครองจากรัฐอยู่แล้ว โดย CDFIs ต้องมีการตั้งงบฯสำรองหนี้เสียไว้เพื่อแลกกับการคุ้มครองดังกล่าว ดังนั้นจึงรับประกันได้ว่าเงินลงทุนในโครงการของ CDFIs จะได้รับการคุ้มครองไปด้วย และ 3) CNote เองก็ตั้งงบฯสำรองไว้อีกชั้นหนึ่ง เผื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ก็ยังมีเงินอีกก้อนมาช่วยได้
ก่อนที่จะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไปได้ร่วมลงทุน CNote มีการทดลองระบบแบบปิดเป็นเวลา 10 เดือน โดยมีผู้นำเงินมาลงทุนกว่า 9 ล้านเหรียญ โดยเงินทั้งหมดถูกนำไปลงทุนในโครงการของ CDFIs เน้นโครงการที่พัฒนาอาชีพผู้หญิงและผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก
รายได้ของ CNote ก็มาจากส่วนต่างที่เหลือจากที่จ่ายเป็นผลตอบแทน (2.5%) ให้นักลงทุนแล้ว แต่เพราะเพิ่งดำเนินกิจการมาได้ไม่ถึงปี เลยยังไม่มีตัวเลขชัดเจนว่า ทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน แต่การชนะเลิศไอเดียฟินเทคแห่งปีจากเวที South by Southwest ก็น่าจะทำให้มีคนสนใจสตาร์ตอัพน้องใหม่รายนี้ไม่น้อย ประกอบกับที่เดี๋ยวนี้นักลงทุน (ทั้งองค์กร และบุคคล) หันมาลงทุนในสตาร์ตอัพเพื่อสังคมกันมากขึ้น (เรียกว่า impact investing คือ ลงทุนในบริษัทที่นำเสนอทางออกเพื่อการพัฒนาสังคม/เศรษฐกิจ อย่างยั่งยืน) ไอเดียของ CNote ที่ตอบโจทย์ทั้งการลงทุนและเป็นการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในเวลาเดียวกัน จึงน่าจับตา
ขึ้นชื่อว่า การลงทุน ก็ต้องมีความเสี่ยงแต่เมื่อพิจารณาทั้งในแง่ผลตอบแทน และความปลอดภัย CNote น่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนรายย่อย แถมเงินยังนำไปช่วยต่อยอดโครงการที่ให้โอกาสคนอีกมากมายมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วย เป็นการลงทุนเพื่อตนเองและผู้อื่นไปพร้อมกัน เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลยค่ะ