อีซูซุฟันธงไฮบริดไม่ใช่คำตอบ ลูกค้าชอบแรง-อีเวนต์ 60 ปี ดีแมคซ์ฉลุย-

8 ชั่วโมงทะลุพันคัน - อีเวนต์ฉลองอีซูซุดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 60 ปี ลูกค้าให้ความสนใจล้นหลาม เปิดตัวดีแมคซ์ใหม่ยอดจองทะลักทลาย

อีซูซุเชื่อปิกอัพไฮบริดยังไม่ใช่คำตอบ ลูกค้าซื้อใช้งานต้องการพละกำลัง เมินภาษี 2% ไม่จูงใจ ลั่น “มิว-เอ็กซ์” น่าจะทำได้ก่อน สั่งลูกทีมศึกษารายละเอียด ปลื้มอีเวนต์ฉลอง 60 ปี เสียงตอบรับดีเยี่ยม เปิด “ดีแมคซ์ใหม่”8 ชั่วโมงทะลุพันคัน

นายโทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวทางการรุกตลาดด้วยปิกอัพไฮบริด ตามที่รัฐบาลให้การสนับสนุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในอัตราภาษีสรรพสามิต 2% นั้นยังไม่น่าสนใจเท่าที่ควร

เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รถปิกอัพของลูกค้า โดยเฉพาะซื้อรถปิกอัพเพื่อใช้งาน เช่น บรรทุกสินค้า ฯลฯ ยังให้ความสำคัญที่พละกำลังของเครื่องยนต์ ดังนั้นเรื่องนี้ละเอียดอ่อน ต้องศึกษาให้ครอบคลุมทุกด้าน ในขณะที่รถยนต์ในกลุ่มพีพีวี ซึ่งอีซูซุมี มิว-เอ็กซ์ ทำตลาดอยู่ น่าจะมีโอกาสมากกว่า

“ภาษีสรรพสามิตที่รัฐบาลให้ 2% นั้น ไม่คุ้มกับต้นทุนที่เราจะต้องลงทุนในการพัฒนาปิกอัพไฮบริด แต่ถ้าเอาระบบไฟฟ้ามาติดตั้งกับรถที่ไม่ได้ใช้งานหนักเป็นรถที่ใช้งานแทนรถยนต์นั่งอย่างเช่นพีพีวี ก็น่าจะเป็นไปได้มากกว่า ทั้งนี้ก็ต้องศึกษาให้ถ้วนถี่ เพราะทำจริงก็ยังติดปัญหาเรื่องความต้องการของตลาดจะมีเพียงพอหรือไม่ เราคงต้องดูความต้องการของลูกค้าก่อนตัดสินใจ”

นายมาเอคาวะกล่าวอีกว่า แนวโน้มตลาดรถยนต์ปีนี้ดีขึ้นมาก โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ตลาดรถยนต์น่าคึกคักทำให้ตลาดรวมขึ้นไปอยู่ในระดับ 860,000 คัน เพิ่มขึ้นจากคาดประเมินกันไว้แค่ 840,000-850,000 คัน โดยอีซูซุได้ปรับเป้าขายจาก 120,000 คัน มาเป็น 130,000 คัน เพิ่มขึ้นหนึ่งหมื่นคัน โดยมั่นใจว่าตลาดปิกอัพปีนี้จะทะลุ 360,000 คัน

“ปีนี้จะเห็นว่าตลาดปิกอัพเติบโตน้อยกว่าตลาดรถยนต์โดยรวมคือโต 7-8% เท่านั้น ซึ่งก็ดูไม่แปลก เพราะตลาดรถยนต์นั่งอาจจะดูไม่ปกติ มีหลายค่ายเลื่อนแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จากปีที่แล้วมาเปิดตัวในปีนี้ ทำให้รถยนต์นั่งปีนี้โตกว่าเดิมมาก”

ขณะที่ตลาดส่งออกนั้น ตลาดหลักตะวันออกกลางหดตัวลงเยอะ ซึ่งเป็นเหมือนกันทุกค่าย แต่บริษัทมีออร์เดอร์จากตลาดออสเตรเลียเข้ามาเสริม ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นโดยมียอดเป็นอันดับหนึ่งของตลาดส่งออก รองลงมาคือ อังกฤษ ส่วนซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเดิมเป็นประเทศส่งออกอันดับหนึ่ง ด้วยยอดส่งออกในระดับ 25,000 คัน เหลือแค่ 5,000 คันเท่านั้น

“ปีนี้ส่งออกของอีซูซุคงใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 155,000 คัน แบ่งเป็น รถยนต์สำเร็จรูป 90,000 คัน และที่เหลือเป็นชิ้นส่วน”

ส่วนความคืบหน้าหลังอีซูซุและมาสด้าได้ประกาศความร่วมมือกัน นายมาเอคาวะกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ต้องรอความชัดเจนจากบริษัทแม่ แต่ปัจจุบันโรงงานอีซูซุมีกำลังผลิต 400,000 คันต่อปี โดยปัจจุบันใช้ไปเพียง 300,000 คันเท่านั้นและยังมีกำลังผลิตเพียงพออีก 100,000 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อีซูซุได้จัดอีเวนต์ใหญ่ฉลองครบรอบ 60 ปี ดำเนินธุรกิจในบ้านเรา โดยเปิดตัว อีซูซุ ดีแมคซ์ ใหม่ รุ่นฉลอง 60 ปี เครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ขีดสุดแห่งนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ดีไซน์โฉบเฉี่ยวขั้นสุดในทุกมิติ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight เพิ่มฟังก์ชั่นล้ำสมัยด้วย ISUZU iConnect พร้อม Built-in Navigator หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อม Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับ Smartphone และใหม่ล่าสุด “อีซูซุอินไซท์” ออกสู่ตลาด ปรากฏว่าทุบสถิติการจองรถยนต์โดยใช้เวลาเพียงแค่ 8 ชั่วโมง มียอดจองทะลุ 1,000 คัน