ธุรกิจขานรับปรับ ครม. “ตู่ 5” ลุ้นดึงมืออาชีพฟื้นเศรษฐกิจ-

ธุรกิจเด้งรับ บิ๊กตู่ปรับ ครม. “ประยุทธ์ 5” สภาหอฯ-สภาอุตฯ พร้อมหนุน บิ๊กสหพัฒน์ จี้เร่งแก้ปัญหาพืชผลเกษตรตกต่ำ คนโฆษณาหวังเห็นดึงมืออาชีพนั่งกระทรวงเศรษฐกิจ รับเหมาก่อสร้าง เชียร์ลุยเมกะโปรเจ็กต์ ขณะที่สภาผู้ส่งออกหวังเดินหน้ากรอบเจรจาการค้าระหว่างประเทศผลักดันการค้าการส่งออก

ขณะนี้ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่จะอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” แต่ก็ยังมีปัญหาที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขอีกหลายเรื่อง ทั้งกำลังซื้อของเกษตรกรรากหญ้า การลงทุนของภาครัฐที่ยังไม่ไหลลื่น ฯลฯ กระแสการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่จึงเป็นที่ถูกจับตามองจากทุกภาคส่วนว่าจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวให้ลุล่วงไปได้หรือไม่

หอการค้า-สภาอุตฯ หนุน

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรี ครั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นว่าผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ หรือกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ควรจะผลักดันแผนงานหรือนโยบายเดิมที่มีอยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายการดูแลเรื่องค่าครองชีพ ปากท้องของประชาชนที่เป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และความเชื่อมั่นของเอกชนทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้จะเหลือเวลาในการบริหารประเทศอีกไม่นาน หรือประมาณ 1 ปี หอการค้าฯและภาคเอกชนพร้อมให้การสนับสนุน ร่วมมืออย่างเต็มที่ ส่วนประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรีว่าจะมีใครมาทำหน้าที่อะไร ยังไม่สามารถประเมินได้

ขณะที่ นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ก็เพื่อเตรียมเข้าสู่ระบบการบริหารประเทศปกติจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อปฏิรูปชัดเจน มียุทธศาสตร์ชาติ มีเป้าหมายการกระจายรายได้ สร้างความเจริญให้ชุมชน มีนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ยังคงเป็นโรดแมปเหมือนเดิม เอกชนจึงไม่กังวลอะไร และกลับมองว่ามันจะมีความกระชับมากขึ้น เพราะรัฐบาล คสช.มีเวลาทำงานอีกแค่ปีกว่า ๆ จึงต้องเร่งทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ แต่ทุกโครงการที่เคยเกิดขึ้น อย่าง EEC ต้องห้ามล้ม ครม. เศรษฐกิจชุดใหม่ต้องสานต่อ

สหพัฒน์จี้แก้สินค้าเกษตร

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อาจทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น มีความหวังที่ดีกับทีมใหม่ที่เข้ามาจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในเวลานี้ค่อย ๆ ดีขึ้นในระดับหนึ่งและน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคมีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เห็นจากตัวเลขการขายของสหพัฒน์มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ากำลังซื้อในต่างจังหวัดยังไม่ดี เนื่องจากปัญหาราคาพืชผลการเกษตรที่ยังตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ไข ขณะที่การขับเคลื่อนอีอีซีคงจะใช้เวลานานพอสมควรที่จะทำให้เกิดขึ้นมา

“ขณะนี้รัฐออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายอย่าง ทั้งช้อปช่วยชาติ, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ฯลฯ ซึ่งก็ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้บ้าง แต่ในต่างจังหวัด ประชาชนยังยากจน มีเงินน้อย จึงอยากให้ภาครัฐเน้นเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องราคาพืชผลเป็นประเด็นหลัก ๆ หากแก้ได้เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วได้”

ชี้มืออาชีพช่วย ศก.โต

นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นว่า การปรับคณะรัฐมนตรี ที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยการดึงมืออาชีพเข้าในสัดส่วนที่มากจะส่งผลที่ดีต่อการบริหารประเทศ และน่าจะส่งผลให้บรรยากาศและทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2561 จะฟื้นกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากเรื่องของการส่งออก เศรษฐกิจในและต่างประเทศก็ค่อยเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้

“ปีหน้าทุกอย่างน่าจะดีขึ้น เพราะบรรยากาศโดยรวม ๆ เศรษฐกิจของไทยมันอัดอั้นมานาน ปีหน้าหลาย ๆ ธุรกิจก็พร้อมเดินหน้าเต็มที่”

รับเหมาเร่งรัฐลงทุน

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่อนข้างเห็นด้วยกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการผลักดันโครงการต่าง ๆ ออกมาโดยเฉพาะเซ็กเตอร์ภาคการก่อสร้าง ที่มีการเปิดประมูลโครงการใหญ่ ๆ ต่อเนื่อง แต่ยังรู้สึกว่าในทางปฏิบัติการดำเนินการตามนโยบายยังล่าช้าอยู่บ้าง การปรับ ครม.น่าจะทำให้ดีขึ้นเทียบกับปีที่แล้วการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ดีขึ้น คาดการณ์จีดีพีจะเติบโตประมาณ 3.5-3.8% และปีหน้าก็จะเติบโตใกล้เคียงปีนี้ โดยมีเรื่องของการท่องเที่ยว ส่งออก การลงทุนภาครัฐ เป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนการลงทุนภาคเอกชน เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น หากมีกำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจน คงจะมีการลงทุนทางตรงจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้น

“ภาคธุรกิจก่อสร้าง คาดหวังว่ารัฐบาลจะยังคงผลักดันโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้น เช่น รถไฟฟ้าต่าง ๆ รถไฟทางคู่ โครงการต่าง ๆ ของ EEC เพื่อให้เกิดการสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ” นายภาคภูมิกล่าว

สภาผู้ส่งออกฯ เดินหน้าคุย

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยกล่าวในเรื่องนี้ว่า ปัจจัยทางการเมืองในขณะนี้ ไม่น่ากังวลหรือสร้างความกังวลให้กับผู้นำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้วางโรดแมปไว้อย่างชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และนักลงทุนได้อย่างดี ประกอบกับที่ผ่านมารัฐบาลได้บริหารจัดการโดยเฉพาะเรื่องของสต๊อกข้าวที่เป็นแรงกดดันภาพการส่งออกของไทย รวมไปถึงกฎหมาย กฎระเบียบที่สำคัญก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตามและต้องการให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมคือ การออกกฎระเบียบ หรือกฎหมาย เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงกับภาคธุรกิจหรือผู้ส่งออกเอง ขณะเดียวกันก็ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเดินหน้ากรอบเจรจาการค้าระหว่างประเทศทั้งกรอบเดิมและกรอบใหม่ให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยผลักดันการค้า การส่งออกให้กับประเทศ

กระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง

ขณะที่นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ภาพรวมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยเดินมาค่อนข้างถูกทางแล้ว แต่บางภาคธุรกิจอาจยังมีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้างที่แก้ไขแล้วไม่เห็นผลในทันที ส่งผลให้มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญ ๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหนุนให้ทุกภาคธุรกิจเดินหน้าอย่างมีสมดุล เนื่องจากทุกภาคธุรกิจในประเทศไทย อาทิ อุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว และอื่น ๆ มีความเกี่ยวเนื่องกันสูง

“ส่วนภาคธุรกิจท่องเที่ยวอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการในเชิงซัพพลายมากกว่า เพราะปัจจุบันดีมานด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยนั้นดีอยู่แล้ว โดยอยากให้เร่งกระจายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองรองมากขึ้น เพื่อลดการกระจุกตัวในเมืองท่องเที่ยวหลัก ๆ รวมถึงกระจายรายได้สู่ชุมชนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมเร่งฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม”

นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพารา-ปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนใหม่เข้าไปสะสางการทำงานของคณะกรรมการบริหารและผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เรื่องการประมูลปุ๋ยเคมี 8 หมื่นตันมาขายให้ชาวสวนยาง มีการประกาศกระชั้นชิดเพียง 5 วัน นอกจากนี้ ควรปลดล็อกราคาประมูลยางในวันถัดไปที่กำหนดห้ามเกิน กก.ละ 2 บาท เพราะเป็นการเอื้อให้พ่อค้ากดราคาประมูลซื้อยางและไม่เป็นไปตามกลไกตลาดที่แท้จริง และควรยกเลิกบริษัท ร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด ที่ กยท.ลงขันก่อตั้งร่วมกับกลุ่ม 5 เสือยางพารา เพื่อให้เกษตรกรขายยางได้สะดวกและได้ราคาดีกว่าปัจจุบัน