เอไอเอไทยบุกประกันสุขภาพ-

นายบิล ไลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตสูง เพราะอัตราการถือครองกรมธรรม์ยังต่ำอยู่ที่ราว 37% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคมไทยที่ขยายตัวดีขึ้น จึงเป็นโอกาสในการเพิ่มความคุ้มครองแก่กลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยปัจจุบันเอไอเอ ประเทศไทย จัดว่าอยู่ในอันดับ 3 ของกลุ่มบริษัทเอไอเอที่มีอยู่ใน 18 ประเทศทั่วโลก หรือคิดเป็นการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) หรือเบี้ยรายใหม่ อยู่ที่ 13-15% ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ

“แม้ 1-2 ปีที่ผ่านมา เอไอเอ ประเทศไทย จะมีมาร์เก็ตแชร์ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ที่เติบโตมากขึ้น และการขายโปรดักต์ส่วนใหญ่เน้นประกันสะสมทรัพย์แบบชอร์ตระยะสั้นที่ให้ผลกำไรน้อย ขณะที่บริษัทมุ่งเน้นแบบประกันระยะยาว จึงทำให้เบี้ยต่อปีน้อยกว่า ซึ่งการที่เราจะเป็นผู้นำเหมือนเดิม ก็แค่การนำโปรดักต์แบบชอร์ตเทอมมาขายบ้างเท่านั้นเอง แต่เรามองว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปแข่งกับบริษัทอื่น” นายบิล ไลส์กล่าว

โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทเอไอเอ ยังคงเน้นขายผ่านช่องทางตัวแทนเป็นหลัก ซึ่งมีเบี้ยรับรวมสัดส่วนกว่า 70% และอีก 30% มาจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ ที่มีพาร์ตเนอร์ (พันธมิตรธุรกิจ) อยู่กว่า 100 รายทั่วโลก โดยเฉพาะรายล่าสุดกับธนาคารกรุงเทพในไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงตอกย้ำการเติบโตผ่านทางช่องทางตัวแทนเหมือนเดิม

“ปีนี้เรามองว่าตลาดประกันสุขภาพเป็นตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากเรามีเบี้ยส่วนนี้เติบโตมาก โดยเฉพาะในไทย พอร์ตของเอไอเอเกินกว่า 50% มาจากเบี้ยประกันสุขภาพ รวมถึงตลาดยูนิตลิงค์ (ประกันชีวิตควบการลงทุน) ถึงแม้ว่ายังไม่เติบโตมากนักเมื่อเทียบกับตลาดมาเลเซียที่มีเบี้ยมากถึง 80% ของเบี้ยรับรวมในมาเลเซีย แต่ถือว่ายูนิตลิงค์เป็นสินค้าที่เป็นทางเลือกที่หลากหลายให้ลูกค้าในอนาคตได้ และถือเป็นโปรดักต์ไฮไลต์ที่จะสนับสนุนให้กับตัวแทน FA (ที่ปรึกษาด้านการประกันชีวิตและการเงิน) ได้” นายบิล ไลส์กล่าว