MTC กำไรไตรมาส 2 ออลไทม์ไฮ 1,381 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อโตแรง

ภาพประกอบข่าว MTC

MTC ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์-นาโนไฟแนนซ์ เปิดผลงานไตรมาส 2/65 กำไรนิวไฮพุ่งแตะ 1,381 ล้านบาท ผลจากพอร์ตสินเชื่อโตแรงกว่า 34%  บิ๊กบอส “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปี’65 พุ่งแตะ 1.2 แสนล้านบาท ลุยปล่อยสินเชื่อเชิงรุก รับดีมานด์ลูกค้าเพิ่มขึ้น เดินหน้าขยายสาขาตามเป้า

วันที่ 10 สิงหาคม 2565 นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2/2565 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ทำสถิติ New High ได้อีกครั้ง

โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 23.84% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,381 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8.74% จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อคงค้างกว่า 107,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็นจำนวน 676 สาขา ส่งผลให้บริษัทมีสาขา 6,475 สาขา กระจายทั่วประเทศ

“แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แต่บริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อไว้ได้ในระดับ 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากได้มีการวางแผนและกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เพื่อขยายฐานลูกค้า รองรับดีมานด์ลูกค้าที่มีจำนวนมากทั่วประเทศ ขณะที่มีปัจจัยบวกสนับสนุนจากการที่ประเทศไทยมีนโยบายเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาคึกคักอีกครั้ง และมีการเปิดภาคเรียนตามปกติ รวมถึงดีมานด์สินเชื่อเกษตรปรับเพิ่มตามราคาพืชผลการเกษตรที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อเติบโตได้เป็นอย่างดี”

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อพุ่งแตะระดับ 120,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักคือ MTC และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่ คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) และเมืองไทย เพย์ เลเทอร์ (MTPL) เป็นธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุนโดยมีการวางแผนการทำตลาดทั้งลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และการรุกขยายฐานลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการผ่านการดำเนินงานของสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน บริษัทได้เดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6,475 สาขา จากเป้าหมายการเปิดสาขาปี 2565 อยู่ที่ 6,500 สาขา ซึ่งมีโอกาสจะขยายสาขาได้มากกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่มีจำนวนสาขา และลูกค้ามากที่สุดในประเทศไทย เพื่อให้สามารถบริการแก่ผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อได้อย่างทั่วถึงและกระจายในวงกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“บริษัทยังคงเป้าหมายในระยะยาว โดยภายในปี 2569 บริษัทยังคงเชื่อมั่นว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตทะลุ 2 แสนล้านบาทได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”